BOI แกรนด์เซลรับนักลงทุนทั่วโลก ดันแพ็กเกจ EEC ปิดยอด 7 แสนล้าน

อัปเดตล่าสุด 4 มี.ค. 2562
  • Share :

บีโอไอ ผนึก 4 กระทรวงเศรษฐกิจ จัดบิ๊กอีเวนต์ 4 มี.ค. ชูพื้นที่ EEC บวกแพ็กเกจสิทธิประโยชน์กระตุ้นการลงทุนครึ่งปีแรก หวังเข้าเป้ายอดขอรับส่งเสริม 750,000 ล้านบาท พร้อมเสริม “คลินิกที่ปรึกษาการลงทุน” นักลงทุน 1,500 คน ตบเท้าร่วมมั่นใจช่วยกระตุ้นลงทุนและหวังนโยบายเดินต่อ

นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า จากการประเมินภาพการลงทุนในช่วง 2 เดือนแรก (ม.ค.-ก.พ. 2562) นับเป็นช่วงซบเซา หรือ slowdown ผลจากวันหยุดต่อเนื่องหลายวัน ประกอบกับอยู่ในช่วงภาวะการเตรียมการเลือกตั้ง และเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่สดใสมากนัก อาจจะส่งผลกระทบต่อการลงทุนในช่วงครึ่งปีแรก

ชุมนุมนักลงทุนทั่วโลก 1,500 คน

บีโอไอจึงจำเป็นต้องกระตุ้นการลงทุน โดยร่วมกับ 4 กระทรวงเศรษฐกิจ คือ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงคมนาคม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จัดสัมมนา “THAILAND INVESTMENT YEAR-What’s New ?” ซึ่งเป็นสัมมนาครั้งใหญ่ประจำปีขึ้นในวันที่ 4 มี.ค. 2562 โดยขณะนี้มีนักลงทุนลงทะเบียนร่วมงานแล้วกว่า 1,500 คนซึ่งเป็นนักลงทุนต่างชาติประมาณ 400-500 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนจากบริษัทญี่ปุ่น รองมาคือ จีน ฮ่องกง ยุโรป และอเมริกา

บีโอไอหวังเข้าเป้า 7.5 แสน ล.

“จำนวนคนสมัครมากขนาดนี้ สะท้อนว่า นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศให้ความสนใจกับมาตรการรัฐบาล และมีความพร้อมที่จะขยายกิจการลงทุน สัมมนาในครั้งนี้จัดเพื่อสื่อสารให้นักลงทุนทราบถึงมาตรการส่งเสริมการลงทุนทั้งหมดเพื่อยื่นขอส่งเสริมการลงทุน หวังว่าจะช่วยผลักดันยอดขอรับส่งเสริมการลงทุนปีนี้ให้เป็นไปตามเป้าหมาย 750,00 ล้านบาท”

ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งเตรียมมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ทั้งรูปแบบของกองทุนทางด้านการเงิน โครงการด้านการพัฒนา การปรับเปลี่ยนเครื่องจักรเพื่อไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ กระทรวงคมนาคม ที่มีมาตรการเปลี่ยนโฉมไทยด้วย connectivity ทั้งโครงสร้างพื้นฐานระบบราง

ขณะที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่มีมาตรการสนับสนุนเรื่องของนวัตกรรม รวมถึง startup และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มีมาตรการสำหรับนักลงทุนที่กำลังเข้าสู่ยุคดิจิทัล

700 นักธุรกิจเข้าคลินิกลงทุน

ทั้งนี้ ไฮไลต์สำคัญในงาน คือ การจัดคลินิกให้คำปรึกษากับนักลงทุน ซึ่งครั้งนี้จัดบริการใหญ่สุดเท่าที่เคยจัดมา โดยขณะนี้มีนักลงทุนเข้าขอรับคำปรึกษาทางคลินิกกว่า 700 คน ทางบีโอไอและกระทรวงที่เกี่ยวข้อง 8 หน่วยงาน จะร่วมให้คำปรึกษากว่า 40 คน เช่น บีโอไอ, กรมโรงงานอุตสาหกรรม, กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม, สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมแห่งชาติ เป็นต้น

สำหรับมาตรการสำคัญที่บีโอไอเน้น คือ มาตรการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ EEC ที่จะหมดสิทธิขอยื่นรับการส่งเสริมภายในเดือน ธ.ค. 2562 ที่ให้สิทธิประโยชน์สำหรับ 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงสุด 13 ปี ตามเงื่อนไข, ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงสุด 5-8 ปี+ลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 50% อีก 5 ปี ตามเงื่อนไข อาทิ มีความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา สหกิจศึกษา ทวิภาคี

สิทธิประโยชน์ภายใต้การลงทุนใน 3 พื้นที่สำคัญ คือ 1.เขตส่งเสริมเพื่อกิจการพิเศษ ได้แก่ เมืองการบินภาคตะวันออก (EECa : ยกเว้นภาษีสูงสุด 8+4 ปี), เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (EECd หรือ digital park Thailand : ยกเว้นภาษีสูงสุด 10+3 ปี), เขตส่งเสริมนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจ (21 นิคมอุตสาหกรรมที่ถูกประกาศเป็นเขตส่งเสริมพิเศษภาคตะวันออก (EECi : ยกเว้นภาษีสูงสุด 10+3 ปี) 2.เขตส่งเสริมเพื่อกิจการอุตสาหกรรมเป้าหมาย (21 นิคมอุตสาหกรรมที่ถูกประกาศเป็นเขตส่งเสริม : ยกเว้นภาษีสูงสุด 10+2 ปี) 3.เขตนิคมอุตสาหกรรม หรือเขตอุตสาหกรรมที่ได้รับการส่งเสริม (19 นิคมอุตสาหกรรม : ยกเว้นภาษีสูงสุด 10+1ปี)

เลขาฯอีอีซีเร่งปิดการขาย

นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) กล่าวว่า งานสัมมนาครั้งนี้จะมีนักลงทุนหลายประเทศที่ได้เคยเจรจากันก่อนหน้านี้เข้ามารับฟังมาตรการส่งเสริมที่บีโอไอมี และเชื่อว่าจะเป็นตัวเร่งให้นักลงทุนตัดสินการลงทุนได้ง่ายขึ้น

“อย่างญี่ปุ่นเขามีความสนใจลงทุนไทยอยู่แล้ว และเราได้ลงนามกันในหลายเรื่อง เช่นเดียวกันกับจีน ฮ่องกง ไต้หวัน ที่มีการทำการสำรวจพบว่า กว่า 80% เป็นนักลงทุนอันดับ 1 ที่ให้ความสนใจลงทุนใน EEC”

นางสาวกัญญภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า การจัดงานสัมมนาบีโอไอจะช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ แต่อย่างไรก็ดี สิ่งสำคัญคือ เรื่องความต่อเนื่องของนโยบาย โดยเฉพาะเรื่อง EEC เพราะขณะนี้ประเทศไทยอยู่ระหว่างการเลือกตั้งหากมีการเปลี่ยนแปลงจะมีผลกระทบต่อการตัดสินใจลงทุน แต่หากนโยบายยังเดินหน้าก็เชื่อว่าจะดึงการเข้ามาลงทุนได้มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ยังต้องการให้ภาครัฐให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการลงทุนนอกพื้นที่โครงการใหญ่ด้วย และต้องการให้รัฐส่งเสริมนักลงทุนที่มีการลงทุนอยู่เดิมด้วย