หอการค้าฯ เผยดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภค ม.ค.68 ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 และอยู่ในระดับสูงในรอบ 8 เดือน

หอการค้าฯ เผยดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภค ม.ค.68 ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 และอยู่ในระดับสูงในรอบ 8 เดือน

อัปเดตล่าสุด 13 ก.พ. 2568
  • Share :

ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย (TCC-CI) เดือนมกราคม 2568 ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 และอยู่ในระดับสูงในรอบ 8 เดือน นับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2567 เป็นต้นมา เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มเห็นว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลช่วยผ่อนคลายให้สถานการณ์เศรษฐกิจเริ่มปรับตัวดีขึ้นและการท่องเที่ยวในประเทศเริ่มปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง

13 กุมภาพันธ์ 2568 นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยผลสำรวจประชาชน ทั่วประเทศ 2,244 คน พบว่าเศรษฐกิจไทยส่งผลต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภค ปรับตัวดีขึ้นจากระดับ 57.9 เป็น 59.0 เป็นการปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเดือนที่ 4 และอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือนนั้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2567 เป็นต้นมา การที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคโดยรวมยังคงเคลื่อนไหวคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 100 แสดงให้เห็นว่า ผู้บริโภคยังคงเห็นว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมยังคงฟื้นตัวช้า และค่าครองชีพสูง ตลอดจนสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน กับอิสราเอลกับฮามาสในฉนวนกาชาที่ยังคงยึดเยื้อ ส่งผลกระทบทางจิตวิทยาในเชิงลบต่อกำลังซื้อภายในประเทศ ภาคการท่องเที่ยว ภาคการส่งออก ธุรกิจโดยทั่วไป และการจ้างงานในอนาคต โดยยังคงมีโอกาสบั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้บริ โภคทั้งในปัจจุบันและในอนาคตได้อย่างต่อเนื่องในระยะอันใกล้นี้

ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อดัชนีความเชื่อมั่นของหอการค้าไทย

ปัจจัยด้านลบ​​​​​​

  • สศค. เผยผลการประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2567 คาดว่าจะขยายตัวที่ 2.5% ส่วนในปี 2568 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวเร่งขึ้นที่ 3.0% ต่อปี
  • การฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจโลกให้ช้าลงหรือชะลอตัวลง และอาจส่งผลกระทบในเชิงลบต่อการส่งออกและเศรษฐกิจไทยในอนาคต
  • การปรับชื้นตำแรงขั้นต่ำจะทำจะทำให้ต้นทุนธุรกิจเพิ่มขึ้น และอาจกระทบมาร์จิ้นธุรกิจให้ลดลงโดยเฉพาะในธุรกิจที่ใช้แรงงานทักษะน้อยในสัดส่วนสูง ได้แก่ เกษตร ก่อสร้าง
  • เศรษฐกิจยังฟื้นตัวช้า ตลอดจนปัญหาค่าครองชีพ รวมถึงผู้บริโภคมีการะมัดระวังการจับจ่าย ส่งผลกระทบต่อยอดขายของธุรกิจที่อาจจะไม่เติบโต
  • ปัญหาฝุ่นละออง P.M. 2.5 ที่ปกคลมพื้นที่ และการเผาไหม้ในพื้นที่การเกษตรทำให้ส่งผลกระทบกับการดำเนินชีวิตประจำวันของประชาชน
  • สงครามการค้ารอบใหม่ ทำให้สินค้าส่งออกของไทยที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐสูง เสี่ยงได้รับผลกระทบโดยเฉพาะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และสินค้าอุตสาหกรรม
  • ความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐที่น่าจะมีผลต่อแนวโน้มการส่งออกและจังหวะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย
  • SET Index เดือน ม.ค. 68 ปรับตัวลดลง 85.71 จุด จาก 1,400.21 ณ สิ้นเดือน ธ.ค. 67 เป็น 1,314.50 ณ สิ้นเดือน ม.ค. 68
  • ค่าเงินบาทปรับตัวอ่อนค่าลงเล็กน้อยจากระดับ 34.182 8/$ ณ สิ้นเดือน ธ.ค. 67 เป็น 34.263 B/$ ณ สิ้นเดือน ม.ค. 68 สะท้อนว่ามีการไหลออกสุทธิของเงินตราต่างประเทศ

ปัจจัยด้านบวก​​​​​​​​​​​​​​

  • การกระตุ้นเศรษฐกิจเฟส 2 และเฟส 3 รวมถึงมาตรการ Easy E-Receipt ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีแรกมีแนวโน้มการเติบโต
  • การลงทุนภาคเอกชนที่จะกลับมาขยายตัวตามแนวโน้มการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่เติบโต โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจแห่งอนาคต
  • จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องยิ่งในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวของประเทศไทย ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการยกเว้นการยื่นวีซ่านักท่องเที่ยวรวมการขยายระยะเวลาการพำนักของนักท่องเที่ยว ส่งผลให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในประเทศมากขึ้นและกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภูมิภาคต่างๆ ปรับตัวดีขึ้น
  • การส่งออกของไทยเดือน ธ.ค. 67 ขยายตัวร้อยละ 8.68 มูลค่าอยู่ที่ 24,765.91 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และการนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.89 มีมูลค่าอยู่ที่ 24,776.51 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้ขาดดุลการค้า 10.60 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
  • ราคาน้ำมันขายปลีกแก๊สโซฮอล ออกเทน 91 (E10) และแก๊สโซฮอล ออกเทน 95 ในประเทศ ปรับตัวลดลงประมาณ 0.50 บาทต่อลิตรจากเดือนที่ผ่านมา อยู่ที่ระดับ 35.38 และ 35.75 บาทต่อลิตร ณ สิ้นเดือน ม.ค. 68 ขณะที่ราคาน้ำมันดีเซลขายปลีกในประเทศ ยังคงทรงตัวจากเดือนที่ผ่านมา
  • ราคาพืชผลทางการเกษตรหลายรายการปรับตัวดีขึ้นหรือทรงตัวในระดับที่ดีเกือบทุกรายการสำคัญ ส่งผลให้เกษตรกรเริ่มมีรายได้สูงขึ้น ทำให้กำลังซื้อในต่างจังหวัดเริ่มปรับตัวดีขึ้น​​​

#สภาหอการค้า #หอการค้าไทย #สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย #เศรษฐกิจไทย #อุตสาหกรรมไทย #ภาคการเกษตร #ท่องเที่ยวไทย #ส่งออกไทย #ราคาพลังงาน #GDP

 

บทความยอดนิยม 10 อันดับ

 

อัปเดตข่าวทุกวันที่นี่ www.mreport.co.th   

Line / Facebook / Twitter / YouTube @MreportTH