ภาวะเศรษฐกิจโลกปี 2566 และแนวโน้มปี 2567

อัปเดตล่าสุด 10 มี.ค. 2567

เศรษฐกิจโลกปี 2566 ชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง สะท้อนจากภาคการผลิตที่ชะลอตัวทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศพัฒนาแล้ว ขณะที่แนวโน้มในปี 2567 ที่ยังคงชะลอตัวลงจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่เพิ่มสูงขึ้น วิกฤตอสังหาริมทรัพย์ต่ออุปสงค์ในสหรัฐฯ และยุโรป

รายงานภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมปี 2566 และแนวโน้มปี 2567 ที่เผยแพร่โดย กองนโยบายอุตสาหกรรมรายสาขา สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) ระบุว่า เศรษฐกิจโลกปี 2566 ชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง สะท้อนจากภาคการผลิตที่ชะลอตัวทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศพัฒนาแล้ว เนื่องจากความต้องการสินค้าต่าง ๆ เริ่มลดลง การดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดสร้างแรงกดดันต่อเศรษฐกิจทั้งด้านบริการและภาคการผลิต อัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูงกว่ากรอบเป้าหมายของธนาคารกลางต่าง ๆ ส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของทั้งประชาชนและภาคธุรกิจ รวมทั้งราคาพลังงาน และสินค้าเกษตรที่มีความผันผวนจากความไม่แน่นอนของปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์และปรากฏการณ์เอลนีโญที่อาจมีความยืดเยื้อต่อไป

สถานการณ์พลังงานของโลกยังคงอยู่ท่ามกลางความผันผวนจากสภาพเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัวหลังโควิด-19 คลี่คลาย ทำให้ความต้องการพลังงานเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่นำไปสู่วิกฤตพลังงานในหลายประเทศ รวมทั้งประเทศเศรษฐกิจหลักของโลกเผชิญกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดภาวะเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลกต่อไป

จัดทำโดย กองวิจัยเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.)

แนวโน้มเศรษฐกิจโลกปี 2567

ในปี 2567 เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัวลงเนื่องจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่เพิ่มสูงขึ้นจากวิกฤตที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของประเทศจีนส่งผลให้เศรษฐกิจของจีนประสบกับภาวะเงินฝืด ภาวะการเงินที่ตึงตัวซึ่งส่งผลต่ออุปสงค์ในสหรัฐฯ และยุโรป

การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังโควิดช้ากว่าที่คาดการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจากปรากฏการณ์เอลนีโญที่อาจมีความยืดเยื้อความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มมากขึ้น อัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูงมีแนวโน้มว่าจะปรับตัวลดลงอย่างช้า ๆ ส่วนอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกจะยังคงอยู่ในระดับสูง เพราะธนาคารกลางจะต้องควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ตามเป้าหมาย ล้วนเป็นปัจจัยเฝ้าระวังที่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกในอนาคต

อ่านย้อนหลัง:

บทความยอดนิยม 10 อันดับ