เปิดภาพรวมส่งออกไทย ใช้สิทธิฯ FTA และ GSP เดือน ม.ค.-ส.ค. 64

ภาพรวมส่งออกไทย 8 เดือน ใช้สิทธิฯ FTA และ GSP โต 36.46% เทียบปีก่อน

อัปเดตล่าสุด 21 ต.ค. 2564
  • Share :

กรมการค้าต่างประเทศ (คต.) เผยภาพรวมการส่งออกไทย 8 เดือนแรก ใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าภายใต้ FTA และ GSP โตต่อเนื่อง 36.46% จากช่วงเดียวกันปีก่อน

วันที่ 20 ตุลาคม 2564 - นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยการใช้สิทธิประโยชน์สำหรับการส่งออกภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) และภายใต้ระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GSP) เดือนสิงหาคม 2564 มีมูลค่า 7,341.37 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.29 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนกรกฎาคม 2564 ที่มีมูลค่า 6,206.26 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับการใช้สิทธิประโยชน์ฯ ระหว่างเดือนมกราคม – สิงหาคม 2564 มีมูลค่า 53,804.40 ล้านเหรียญสหรัฐ มีสัดส่วนการใช้สิทธิฯ ร้อยละ 79.13 แบ่งเป็นมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) 51,277.57 ล้านเหรียญสหรัฐ และมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GSP) 2,526.83 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ โดยภาพรวม การใช้สิทธิประโยชน์ฯ ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2564 เพิ่มขึ้นร้อยละ 36.46

การใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ความตกลงทางการค้าเสรี (FTA) เดือนสิงหาคม 2564 มีมูลค่า 7,030.93 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.07 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนกรกฎาคม 2564 ที่มีมูลค่า 5,904.78 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับการใช้สิทธิฯ ภายใต้ FTA ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2564 มีมูลค่า 51,277.57 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 36.50 และมีสัดส่วนการใช้สิทธิฯ ร้อยละ 80.09 โดยตลาดที่ไทยส่งออกโดยมีมูลค่าการใช้สิทธิฯ ภายใต้ FTA สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1) จีน (มูลค่า 17,771.78 ล้านเหรียญสหรัฐ) 2) อาเซียน (มูลค่า 17,384.02 ล้านเหรียญสหรัฐ) 3) ออสเตรเลีย (มูลค่า 5,609.05 ล้านเหรียญสหรัฐ) 4) ญี่ปุ่น (มูลค่า 4,662.69 ล้านเหรียญสหรัฐ) และ 5) อินเดีย (มูลค่า 3,029.17 ล้านเหรียญสหรัฐ) สำหรับกรอบความตกลงการค้าเสรีที่มีอัตราการใช้สิทธิประโยชน์ฯ สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1) อาเซียน – จีน (ร้อยละ  97.33) 2) ไทย – เปรู (ร้อยละ 93.24) 3) ไทย – ชิลี (ร้อยละ 92.57) 4) ไทย – ญี่ปุ่น (ร้อยละ 79.75) และ 5) อาเซียน – เกาหลี (ร้อยละ  69.05)

การใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป หรือ GSP ทั้ง 4 ระบบ สหรัฐอเมริกา สวิตเซอร์แลนด์ รัสเซียและเครือรัฐเอกราช และนอร์เวย์ เดือนสิงหาคม 2564 มีมูลค่า 310.44 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.97 เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม 2564 ที่มีมูลค่า 301.48 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับการใช้สิทธิฯ ภายใต้ GSP ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2564 มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ 2,526.83 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 35.59 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และมีสัดส่วนการใช้สิทธิฯ ร้อยละ 63.69 ตลาดส่งออกที่ไทยมีมูลค่าการใช้สิทธิฯ มากที่สุดคือ สหรัฐอเมริกา มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ 2,255.25 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 43.94 และมีสัดส่วนการใช้สิทธิฯ ร้อยละ 67.10 อันดับสองคือ สวิตเซอร์แลนด์ มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ 169.90 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 11.33 และมีสัดส่วนการใช้สิทธิฯ ร้อยละ 36.74 อันดับสามคือ รัสเซียและเครือรัฐเอกราช มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ 90.34 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 2.86 และมีสัดส่วนการใช้สิทธิฯ ร้อยละ 71.44 และนอร์เวย์ มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ 11.34 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 6.91 และมีสัดส่วนการใช้สิทธิฯ ร้อยละ 64.33 สำหรับสินค้าส่งออกที่มีการใช้สิทธิฯ สูง อาทิ ข้าวโพดหวาน อาหารปรุงแต่ง เนื้อสัตว์แปรรูป ของผสมของสารที่มีกลิ่นหอมชนิดที่ใช้ในอุตสาหกรรมผลิตอาหารหรือเครื่องดื่ม ปลาทูน่ากระป๋อง สับปะรดกระป๋อง เนื้อปลาแบบฟิลเล สด แช่เย็น แช่แข็ง ซอสและของปรุงแต่งสำหรับทำซอส มะพร้าวปรุงแต่ง น้ำหรือเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์

ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2564 ไทยมีการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าเพื่อส่งออกภายใต้กรอบ FTA เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากความต้องการสินค้าที่มากขึ้นจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกโดยรวม และการคลายมาตรการล็อคดาวน์ของประเทศต่างๆ อาทิ อินเดีย นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) ได้ผลักดันมาตรการสนับสนุนการส่งออก และการจัดสัมมนาเกี่ยวกับการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าอย่างต่อเนื่องของกรมฯ ทำให้การใช้สิทธิฯ ภายใต้ FTA เพิ่มขึ้นร้อยละ 36.50 และมีสัดส่วนการใช้สิทธิฯ เพิ่มขึ้นสูง (ร้อยละ 80.09) สำหรับสินค้าที่มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ สูง ประกอบไปด้วยสินค้าหลากหลาย ทั้งสินค้าอุตสาหกรรม อาหาร/เครื่องดื่ม และเกษตร อาทิ รถยนต์เพื่อขนส่งของ/รถยนต์เพื่อขนส่งบุคคล (อาเซียน, อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์, ไทย-ชิลี, อาเซียน-จีน) เครื่องปรับอากาศ (อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์, ไทย-อินเดีย) ตู้เย็น (ไทย-อินเดีย) เนื้อไก่และเครื่องในไก่ปรุงแต่ง (ไทย-ญี่ปุ่น) กุ้งปรุงแต่ง (อาเซียน-ญี่ปุ่น) ปลาซาร์ดีนปรุงแต่ง (อาเซียน-ญี่ปุ่น) ทุเรียนสด (อาเซียน-จีน) ผลไม้ เช่น ฝรั่ง มะม่วง มังคุด (อาเซียน-จีน) ยางธรรมชาติ (อาเซียน-เกาหลี) ปลาทูน่า ปลาสคิปแจ็ก และปลาโบนิโตชนิดซาร์ดา (กระป๋อง) (ไทย-ชิลี) ด้ายทำด้วยเส้นใยสังเคราะห์เป็นต้น

 

บทความยอดนิยม 10 อันดับ

 

อัปเดตข่าวทุกวันที่นี่ www.mreport.co.th   

Line / Facebook / Twitter / YouTube @MreportTH