ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย 2566 กรกฎาคม

ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย ก.ค. 66 เพิ่มต่อเนื่องเดือนที่ 14

อัปเดตล่าสุด 11 ส.ค. 2566

ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย (TCC Confidence Index) ประจำเดือนกรกฎาคม 2566 อยู่ที่ระดับ 55.6 เพิ่มขึ้น 0.4 จากเดือนก่อนหน้า โดยปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 14 ได้ปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว รวมถึง ภาคธุรกิจเริ่มฟื้นตัวบางส่วน มีขยายการลงทุน และการจ้างงานเพิ่มขึ้น

นายวชิร คูณทวีเทพ ผู้อำนวยการสถาบันยุทธศาสตร์การค้า มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจสมาชิกผู้ประกอบการ 369 รายทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 24-31 กรกฎาคม 2566 พบว่า ความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 14 ค่าดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย อยู่ที่ระดับ 55.6 เพิ่มขึ้น 0.4 จากเดือนมิถุนายน 2566 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 55.2 ค่าดัชนีฯ ทำสถิติใหม่ต่อเนื่อง อยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 67 เดือน นับตั้งแต่เริ่มทำสำรวจ โดยได้รับปัจจัยบวกจากการการฟื้นตัวต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว , ภาคธุรกิจเริ่มฟื้นตัวบางส่วน สามารถขยายการลงทุน และมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น , การทรงตัวของราคาน้ำมันในเดือนที่ผ่านมา และค่าเงินบาทที่ปรับตัวแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยลบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ กนง. , ความไม่แน่นอนทางการเมืองในการจัดตั้งรัฐบาล , ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว และต้นทุนการผลิตที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะต้นทุนด้านพลังงาน เป็นต้น

ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อดัชนีความเชื่อมั่นของหอการค้าไทย

ปัจจัยด้านลบ

กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% ต่อปี อยู่ที่ 2.25% ต่อปี
สถานการณ์ทางการเมืองยังมีความไม่แน่นอนสูงจากการจัดตั้งรัฐบาล และการดำเนินการในนโยบายต่าง ๆ ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ
ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังชะลอตัวอยู่ ทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจคู่ค้าหลักยังคงมีความไม่แน่นอนสูง อาทิ จีน สหรัฐ และยุโรป
ราคาพลังงาน และเชื้อเพลิงในตลาดโลกยังอยู่ในระดับสูง ทำให้ต้นทุนการผลิตยังคงอยู่ในระดับสูง อาทิ ค่าไฟฟ้า วัตถุดิบการผลิต ส่งผลต่อความสามารถทางด้านการแข่งขันของไทย
อัตราดอกเบี้ยทั่วโลกยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง
ความกังวลต่อสถานการณ์เอลนีโญ และภัยแล้ง ที่จะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำในภาคการเกษตร และเพื่อการอุปโภค-บริโภค
การส่งออกของไทยเดือน มิ.ย. 66 หดตัวร้อยละ 3.1 มูลค่าอยู่ที่ 24,826.04 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่การนำเข้าลดลงร้อยละ 10.26 มีมูลค่าอยู่ที่ 24,768.35 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้เกินดุลการค้า 57.69ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ความวิตกกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ที่เกิดขึ้นและมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้น จากการดำเนินชีวิตประจำวัน
ราคาน้ำมันขายปลีกแก๊สโซฮอล ออกเทน 91 (E10) และแก๊สโซฮอล ออกเทน 95 ในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นโดยปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 3.20 บาทต่อลิตร ณ สิ้นเดือน ก.ค. 66

ปัจจัยด้านบวก

จำนวนนักท่องเที่ยวไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่เริ่มทยอยกลับเข้ามายังประเทศไทย
SET Index เดือน ก.ค. 66 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 52.96 จุด จาก 1,503.10 ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 66 เป็น 1,556.06 ณ สิ้นเดือน ก.ค. 66
ภาคธุรกิจเริ่มฟื้นตัวบางส่วนสามารถขยายการลงทุน และมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นทำให้อัตราการว่างงานลดลง
ราคาน้ำมันดีเซลขายปลีกในประเทศ อยู่ในระดับทรงตัวจากเดือนที่ผ่านมา
ค่าเงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากระดับ 34.932 ฿/$ ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 66 เป็น 34.627 ฿/$ ณ สิ้นเดือน ก.ค. 66 สะท้อนว่ามีการไหลเข้าสุทธิของเงินตราต่างประเทศ
ราคาพืชผลทางการเกษตรหลายรายการปรับตัวดีขึ้นหรือทรงตัวส่งผลให้เกษตรกรเริ่มมีรายได้สูงขึ้น และมีกำลังซื้อในต่างจังหวัดเริ่มปรับตัวดีขึ้น

ข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ และแนวทางการดำเนินการของภาคเอกชนในการแก้ไขปัญหา

ความชัดเจนของสถานการณ์ทางการเมืองในการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ และความพร้อมในการดำเนินนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาของประเทศผ่านกลไลการทำงานของภาครัฐ
สนับสนุนการดำเนินมาตรการปรับโครงสร้างหนี้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมาตรการเฉพาะจุดและแนวทางแก้ปัญหาหนี้ โดยเฉพาะมาตรการการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม
การดูแลต้นทุนภาคการผลิตที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจ ที่ปรับสูงขึ้นมาอย่างต่อเนื่องจนเสียโอกาสทางการค้า
การดูแลและจัดสรรทรัพยากรที่มีประสิทธิภาพในภาวะที่สภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ภาคเกษตรและประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด