กกร. ชี้เศรษฐกิจไทยพ้นจุดต่ำสุด คาดทั้งปี 63 หดตัว -9.0% ถึง -7.9% ตัวเลขว่างงานพุ่งกว่า 2 ล้านคน

กกร. ชี้เศรษฐกิจไทยพ้นจุดต่ำสุด คาดทั้งปี 63 หดตัว -9.0% ถึง -7.9% ตัวเลขว่างงานพุ่งกว่า 2 ล้านคน

อัปเดตล่าสุด 10 ก.ย. 2563
  • Share :
  • 386 Reads   

กกร. ชี้เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดในไตรมาสที่ 2 โดยทั้งปี 2563 ประเมินเศรษฐกิจไทยอาจหดตัว -9.0% ถึง -7.0% ขณะที่การส่งออกอาจจะหดตัว -12.0% ถึง -10.0% ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าอยู่ในกรอบ -1.5% ถึง -1.0%

การประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประจำเดือนกันยายน 2020 โดย นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทยและประธานสมาคมธนาคารไทย, นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และนายสุพันธ์ุ มงคลสุธี ประธานกรรมการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมของเศรษฐกิจไทยในเดือนกรกฎาคม 2563 หดตัวน้อยลง ต่อเนื่องจากเดือนมิถุนายน ภาคครัวเรือนมีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากการท่องเที่ยวในประเทศช่วงวันหยุดยาว รวมถึงการคลายล็อกกิจกรรมส่งเสริมการขายต่าง ๆ แต่โดยรวมเศรษฐกิจยังอ่อนแออยู่มาก ไม่ว่าจะเป็นการส่งออก การท่องเที่ยว และการลงทุน นอกจากนี้ สถานการณ์ตลาดแรงงานน่าเป็นห่วง โดยมีผู้ว่างงานทั้งหมดแล้วกว่า 7 แสนคน ณ สิ้นไตรมาสที่ 2 และยังมีผู้มีงานประจำแต่ปัจจุบันไม่ได้ทำงานอีกกว่า 2.5 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้นถึง 2 ล้านคนเมื่อเทียบกับ ณ สิ้นปี 2562 

ในช่วงที่เหลือของปี 2563 เศรษฐกิจไทยยังมีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่อง โดยต้องเผชิญกับเศรษฐกิจโลกที่เริ่มเสีย momentum การฟื้นตัว หลังจากที่มีการระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกสองในหลายประเทศที่เป็นคู่ค้าสำคัญ เช่น กลุ่มประเทศสหภาพยุโรป ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย เป็นตัน ทำให้แรงขับเคลื่อนของการฟื้นตัวเหลือแค่เศรษฐกิจสหรัฐฯ และจีน เป็นหลัก จึงต้องติดตามว่าทั้งสองประเทศนี้จะสามารถควบคุมสถานการณ์ไม่ให้มีการระบาดรุนแรงได้มากน้อยแค่ไหน ส่วนการฟื้นตัวของภาคการส่งออกและการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติยังมีอุปสรรคอยู่มาก

ขณะที่ ค่าเงินดอลลาร์ฯ อ่อนค่าหลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ปรับยุทธศาสตร์นโยบายการเงินเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2563 ส่งผลให้ดอลลาร์ฯ อ่อนค่าลง เป็นความเสี่ยงให้ค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่า นอกจากนี้ ในช่วงที่เหลือของปีค่าเงินบาทยังมีแรงหนุนแข็งค่าจากดุลบัญชีเดินสะพัดที่ยังจะมีการเกินดุลต่อเนื่องและจะเกินดุลเพิ่มหากมีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับเข้ามาผ่านมาตรการ Travel Bubble อย่างไรก็ดี ตลาดอัตราแลกเปลี่ยนมีโอกาสผันผวนมากขึ้นจากความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศ การเปิดรับความเสี่ยงของนักลงทุน (Risk-On sentiment) ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ไม่อิงกับปัจจัยพื้นฐาน และการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ

ท่ามกลางสมมติฐานที่จะไม่เกิดการระบาดระลอกใหม่ในประเทศไทย หรือสามารถควบคุมโรคให้อยู่ในวงจำกัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ กอปรกับภาครัฐออกมาตรการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง ทว่า อุปสงค์ในประเทศโดยรวมยังคงเปราะบางสูงจากความไม่แน่นอนรอบด้านที่อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นด้านการบริโภคและการลงทุน ที่ประชุม กกร. มองว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจน่าจะค่อยๆ ฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดในไตรมาสที่ 2 สำหรับทั้งปี 2563 และประเมินเศรษฐกิจไทยอาจหดตัวในกรอบ -9.0% ถึง -7.0% ขณะที่การส่งออกในปี 2563 อาจจะหดตัวในกรอบ -12.0% ถึง -10.0% ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าอยู่ในกรอบ -1.5% ถึง -1.0%

นอกจากนี้ ในประเด็นของการปฏิรูปกฎหมาย กกร. ให้ความสำคัญในการปรับปรุงกฎหมาย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และลดขั้นตอนการทำงานของภาครัฐ เพื่อให้เกิดการอำนวยความสะดวกให้มากขึ้น โดยนำผลการศึกษาของ ป.ย.ป. และ TDRI นำไปปฏิบัติในการปรับปรุงกฎหมายให้เกิดขึ้นได้จริง โดยจะกำหนดเป้าหมายในการติดตามเรื่องดังกล่าวกับทางภาครัฐ โดยจะนำผลการศึกษาที่ทำงานร่วมกันผ่านหลายคณะทำงาน เพื่อนำเสนอต่อนายกรัฐมนตรีต่อไป
ในส่วนของการค้ำประกันเงินกู้ของ บสย. เพื่อช่วยเหลือ SME จากการปล่อยกู้ตามวงเงินกู้ Soft loan 5 แสนล้านของ ธปท. กกร.จะได้มีการศึกษาร่วมกันในการให้ บสย. เข้ามาค้ำประกันเงินกู้เพิ่มเติม โดยเพิ่ม Max Claim จาก 30% ให้มากขึ้น

ด้านการเบิกจ่ายเงินของโครงการภาครัฐ สำหรับผู้ประกอบการที่รับโครงการจากภาครัฐและได้มีการส่งมอบงานแล้ว กกร. เสนอให้หน่วยงานรัฐเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินของโครงการของภาครัฐภายใน 30 วัน  และให้หน่วยงานภาครัฐทุกประเภทสามารถโอนสิทธิ์การรับเงินให้กับธนาคารได้ด้วย

สำหรับโครงการศึกษาการขุดคลองไทย จากผลการพิจารณาศึกษาการขุดคลองไทย และการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ ทาง กกร. จะศึกษารายละเอียดร่วมกันเพื่อหาจุดยืนและนำเสนอภาครัฐต่อไป


อ่านต่อ: แถลงข่าว กกร. เดือน ส.ค. 63