กกร. คง GDP หดตัวที่ -9.0% ถึง -7.0% วอนรัฐเร่งอัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจ
กกร. ยังคงประมาณการ GDP หดตัวในกรอบ -9.0% ถึง -7.0% ชี้ไตรมาส 3 การส่งออกปรับตัวดีขึ้น อานิสงส์ฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมในต่างประเทศ พร้อมวอนภาครัฐเร่งรัดการจ่ายเงินการจัดซื้อจัดจ้างทุกโครงการภายใน 30 วัน ช่วยเสริมสภาพคล่องทางการเงินภาคเอกชน
การประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประจำเดือนพฤศจิกายน 2020 โดย นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทยและประธานสมาคมธนาคารไทย และนายสุพันธ์ุ มงคลสุธี ประธานกรรมการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า
เศรษฐกิจไทยปลายไตรมาสที่ 3 ได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมในต่างประเทศ การส่งออกในเดือนกันยายนปรับตัวดีขึ้นมาก หดตัวเพียง 3.9% เทียบกับเดือนสิงหาคมที่หดตัว 7.9% ภาคเกษตรและภาคอุตสาหกรรมดีขึ้น อาทิ ชิ้นส่วนรถยนต์ คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ และเม็ดพลาสติก ฟื้นตัวได้ดีสอดคล้องกับทิศทางของภาคอุตสาหกรรมในต่างประเทศ ส่วนการใช้จ่ายในประเทศฟื้นตัวโดยมีมาตรการของภาครัฐสนับสนุน สำหรับปีหน้าอาจจะมีปัญหาเรื่องตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลนทำให้ค่าระวางเรือที่มีแนวโน้มสูงขึ้น โดย กกร.จะนำคณะไปหารือกับกระทรวงคมนาคมเพื่อวางแผนรับมือในอนาคต
โดยการแพร่ระบาดระลอกสองของโควิด-19 ที่รุนแรงในหลายประเทศเป็นความเสี่ยงหลักในช่วงที่เหลือของปี 2563 ประเทศหลักในสหภาพยุโรปประกาศล็อกดาวน์ช่วงเดือนพฤศจิกายน ประมาณ 1 เดือน เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งแม้การล็อกดาวน์ในครั้งนี้จะเน้นจำกัดกิจกรรมของผู้บริโภค ไม่ได้ให้หยุดภาคการผลิต แต่ก็คาดว่าจะทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวมแผ่วลง ในเบื้องต้นคาดว่าจะกระทบ GDP ไทยในไตรมาสที่ 4 ราว 0.37-0.5% เนื่องจากคาดว่าจะมีผลกระทบต่อความต้องการสินค้าส่งออก
ในส่วนของผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ นั้น จะส่งผลต่อนโยบายการค้าและการลงทุนที่เปลี่ยนไปซึ่งมีผลทั้งบวกและลบ โดยหากนายโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต ชนะการเลือกตั้งประธานธิบดีสหรัฐฯ และพรรคเดโมแครตสามารถครองเสียงข้างมากทั้งในสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา อาจจะส่งผลให้นโยบายการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ กับคู่ค้ามีแนวโน้มกลับมาผ่อนคลายมากขึ้น
หากไม่เกิดการระบาดระลอกใหม่ในประเทศไทย หรือสามารถควบคุมโรคให้อยู่ในวงจำกัดได้ กอปรกับเม็ดเงินจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในช่วงที่เหลือของปี เช่น มาตรการคนละครึ่ง และมาตรการช้อปดีมีคืน เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ที่ประชุม กกร. มองว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 4 น่าจะฟื้นตัวได้ต่อไป สำหรับทั้งปี 2563 กกร. คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะหดตัวในกรอบ -9.0% ถึง -7.0% ขณะที่คาดว่าการส่งออกจะหดตัวในกรอบ -10.0% ถึง -8.0% ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าอยู่ในกรอบ -1.5% ถึง -1.0%
นอกจากนี้ กกร.เห็นว่าเขตการค้าเสรี หรือ FTA เป็นเรื่องที่มีความสำคัญต่อไทยเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะ FTA ในกรอกใหม่และปัจจุบันยังอยู่ในการเตรียมการ เช่น FTA Thai-UK, FTA Thai-EU, CPTPP เป็นต้น ซึ่ง กกร.ได้พิจารณาแล้วว่ามีหลายข้อบทที่เกี่ยวเนื่องกันใน FTA เกือบทุกกรอบ ทั้งในระดับพหุภาคีและทวิภาคี ได้แก่ UPOV (การคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่), CL (Compulsory Licensing), แรงงาน และการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ โดย กกร.จะเสนอให้รัฐบาลจัดตั้งคณะทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐที่มีกระทรวงที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ กับ กกร. เพื่อให้มีการเตรียมตัวครอบคลุมในทุกภาคส่วน โดยอยากให้มีการจัดตั้งโดยเร็วเพื่อไม่ให้ไทยเสียโอกาสในเวทีการค้าโลก
สำหรับแผนการช่วยเหลือผู้ประกอบการในภาคธุรกิจโรงแรมที่มีข้อเสนอของภาคเอกชนได้เสนอไปยังภาครัฐก่อนหน้านี้ เรื่องการตั้งกองทุนเพื่อซื้อโรงแรมที่ยังมีศักยภาพตามความเหมาะสม โดย กกร.ได้มีการตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาเรื่องดังกล่าวโดยละเอียด
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ส่งผลให้รัฐบาลไทยจำเป็นต้องออกมาตรการปิดเมืองปิดประเทศหรือมาตรการล็อกดาวน์ เพื่อควบคุมและป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคดังกล่าว ทำให้เกิดผลกระทบโดยตรงต่อการเดินทางของนักธุรกิจชาวต่างชาติ รวมทั้งวิกฤตินี้ ยังสะท้อนถึงปัญหาวีซ่าและใบอนุญาตทำงานของกลุ่มบุคคลดังกล่าวอีกด้วย
ทั้งนี้ รัฐบาลไทยได้แก้ไขปัญหาบางส่วนเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นายจ้างและกลุ่มบุคคลดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อาทิ การลดทอนเอกสารและลดขั้นตอนการดำเนินการ ตามประกาศกรมการจัดหางาน ลงนาม ณ วันที่ 30 กันยายน 2563
โดย กกร.จะส่งข้อเสนอเพิ่มเติมไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับวีซ่าและใบอนุญาตทำงานของนักธุรกิจชาวต่างชาติ ดังนี้
1 เสนอให้สามารถยื่นขอเปลี่ยนประเภทวีซ่าจาก Non-Immigrant O Visa เป็น Non-Immigrant B Visa ภายในประเทศไทยได้ เนื่องจากชาวต่างด้าวจำเป็นต้องเดินทางกลับไปยังประเทศต้นทางของตนเพื่อเปลี่ยนประเภทวีซ่าดังกล่าว
2 เสนอให้แรงงานต่างด้าวทักษะสูงสามารถอยู่ในประเทศไทยต่อได้เป็นระยะเวลา 3 เดือน หลังจากที่ใบอนุญาตทำงานหมดอายุหรือถูกยกเลิกไป เพื่อหางานใหม่
3 เสนอให้ยกเว้นการรายงานตัวทุก 90 วันแก่แรงงานต่างด้าวทักษะสูง โดยให้แจ้งเฉพาะกรณีที่มีการย้ายที่อยู่ถาวร
ทั้งนี้ กกร. ขอให้ภาครัฐเร่งรัดการจ่ายเงินการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐทุกโครงการภายใน 30 วัน หลังจากการตรวจรับเรียบร้อยเพื่อช่วยในการเสริมสภาพคล่องทางการเงินภาคเอกชน และทางภาคเอกชนขนาดใหญ่กว่า 100 บริษัทได้ร่วมกันชำระหนี้ภายใน 30 วันแล้ว
อ่านต่อ:
- แถลงข่าว กกร. ต.ค.63 ฉายภาพเศรษฐกิจไทยปีนี้ หดตัว -9.0% ถึง -7.0% แนะต่ออายุมาตรการต่าง ๆ ช่วยเหลือผู้ประกอบการ
- กกร.แนะลูกหนี้ SME ติดต่อธนาคารเจ้าหนี้พร้อมดูแลอย่างทั่วถึง