เกมออฟชิกเคน “สหรัฐ-จีน” กดดันทั้งคู่

อัปเดตล่าสุด 2 ก.พ. 2562
  • Share :

โดย นงนุช สิงหเดชะ
ยังอยู่ในช่วงพักรบสงครามการค้าชั่วคราว 90 วัน สำหรับสหรัฐอเมริกาและจีน เพื่อเปิดเจรจากันอีกรอบ โดยล่าสุดนี้ผู้แทนจากจีนนำโดยรองนายกรัฐมนตรี หลิว เหอ ก็เดินทางถึงวอชิงตันแล้วเพื่อเริ่มกระบวนการเจรจา ซึ่งก็ถูกทั่วโลกจับจ้องว่าทั้งสองฝ่ายจะบรรลุข้อตกลงกันได้ภายในเส้นตายคือ 1 มีนาคม นี้หรือไม่


หากไม่ได้ก็หมายถึงว่าอเมริกาจะเก็บภาษีสินค้าจากจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ เพิ่มจาก 10% เป็น 25% ตามเดิม
นักวิเคราะห์จำนวนไม่น้อย คาดหวังว่าผลทางลบที่เกิดขึ้นกับทั้งสองประเทศอันเนื่องจากการตั้งกำแพงภาษีในช่วงที่ผ่านมาจะกดดันให้สองฝ่ายรีบบรรลุข้อตกลง โดยบางฝ่ายเห็นว่าจีนอาจเป็นฝ่ายอ่อนข้อก่อน ขณะที่สหรัฐมีความได้เปรียบกว่า อย่างไรก็ตาม เนื้อแท้แล้ว ทั้งจีนและสหรัฐต่างตกอยู่ภายใต้แรงกดดันทั้งคู่


ในฟากของจีนนั้น แน่นอนว่าสงครามการค้า ส่งผลสะเทือนอย่างยิ่งต่อระบบห่วงโซ่อุปทานในฐานะที่จีนเป็น “โรงงานของโลก” มานาน สร้างผลกระทบต่อโรงงานผลิตต่าง ๆ ในจีน เนื่องจากบริษัทระดับโลกจะย้ายฐานการผลิตหรือย้ายแหล่งป้อนวัตถุดิบออกจากจีนไปยังประเทศอื่น โดยผลสำรวจล่าสุดโดย QIMA ซึ่งเป็นบริษัทตรวจสอบห่วงโซ่อุปทานชั้นนำในเอเชียพบว่า 30% ของบริษัทระดับโลก 100 แห่ง กำลังเปลี่ยนไปใช้ซัพพลายเออร์ของประเทศอื่นแทนจีน เมื่อเป็นเช่นนั้นก็แปลว่าคนจีนจะตกงาน


หากแนวโน้มการย้ายฐานผลิตและห่วงโซ่อุปทานยังดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ จะทำให้จีนเกิดปัญหาการว่างงานพุ่งสูง ซึ่งคงไม่ใช่สิ่งที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนพอใจ เพราะความสงบทางสังคมในจีนที่รัฐบาลต้องการนั้นขึ้นอยู่กับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ความอยู่ดีกินดีของประชาชน


การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ซึ่งปรากฏชัดออกมาแล้วว่าปีที่แล้ว เติบโตเพียง 6.6% ต่ำสุดในรอบ 28 ปี ไม่ได้ส่งผลเสียต่อจีนเท่านั้น ทว่าสะเทือนทั้งโลกมากกว่าที่เคยเป็นมา ดังที่ จอร์จ แม็กนัส นักวิจัยมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ชี้ว่า ความปั่นป่วนของเศรษฐกิจจีนมีผลกระทบต่อโลกมากกว่าช่วง 10-20 ปีที่ผ่านมา เพราะในช่วงนั้นเศรษฐกิจจีนมีสัดส่วนเพียง 7% ของโลก แต่ปีนี้ขยับไปถึง 19% แล้ว นอกจากนี้ อุตสาหกรรมจีนเชื่อมโยงกับห่วงโซ่อุปทานโลกอย่างใกล้ชิด ทำให้จีนมีบทบาทกำหนดราคาสินค้าหลายอย่างทั่วโลกได้ค่อนข้างมาก


การจับกุม เมิ่ง หว่านโจว ซีอีโอหญิงของบริษัทหัวเว่ย แม้สหรัฐจะอ้างว่าไม่เกี่ยวกับการกดดันให้จีนอ่อนข้อแต่ ไอนาร์ ทันเจิ้น ที่ปรึกษากิจการเศรษฐกิจของรัฐบาลจีน ระบุว่า เป็นความพยายามของสหรัฐที่จะกดดันจีนเพื่อสร้างความได้เปรียบในการเจรจาการค้า ซึ่งอาจจะส่งผลร้ายย้อนกลับใส่หน้าสหรัฐเอง เพราะจีนถูกชาติตะวันตกทำให้เสียเกียรติมาแล้วในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา จีนจึงจะไม่ยอมให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นอีก


สตีเฟ่น โกะ บริษัทที่ปรึกษากฎหมายการค้านานาชาติในวอชิงตัน ระบุว่า สหรัฐเองก็ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันเช่นกัน เนื่องจากบริษัทอเมริกันในจีนเริ่มบ่นถึงผลกระทบจากการที่สหรัฐขึ้นภาษี จึงอยากให้ทั้งสองประเทศบรรลุข้อตกลงกันได้ เพราะหากยิ่งลากยาว สินค้าในสองประเทศจะมีราคาแพงขึ้นเรื่อย ๆ บริษัททั้งหลายจะมีกำไรลดลง สุดท้ายจะฉุดรั้งเศรษฐกิจโลกให้ตกต่ำ


“ทั้งสองฝ่ายต่างตกอยู่ภายใต้แรงกดดันให้ทำข้อตกลงกันเร็ว ๆ แต่ก็อย่าลืมว่านี่เป็น a game of chicken ใครที่กะพริบตาก่อนจะเป็นฝ่ายแพ้” สตีเฟ่น โกะ บอกไว้อย่างนั้น
เกมออฟชิกเคน ที่ สตีเฟ่น โกะ เอ่ยถึงนั้นหมายถึงเกมที่สองฝ่ายขับรถยนต์พุ่งเข้าหากัน เมื่อถึงจุดใกล้ชน หากไม่มีฝ่ายใดหักหลบเลยก็หมายถึงตายทั้งคู่ แต่หากฝ่ายใดหักหลบก่อนก็จะถูกมองว่าเป็นคนขี้ขลาด แต่ข้อดีของการขี้ขลาดคือทำให้มีชีวิตรอดในสถานการณ์นี้ ดีที่สุดคือทั้งสองฝ่ายยอมหักหลบรักษาชีวิต เพื่อที่จะได้ไม่มีใครถูกตราหน้าว่าเป็นคนขี้ขลาด