ครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ญี่ปุ่น - อาเซียน กับ 4 ยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจ
วิสัยทัศน์ร่วมสร้างเศรษฐกิจญี่ปุน - อาเซียน ระบุ 4 เสาสำคัญคือ เศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืน, ส่งเสริม Open Innovation ข้ามพรมแดน, เสริมสร้าง “Cyber-Physical Connectivity”, และอีโคซิสเต็มในการพัฒนาบุคลากร
วันที่ 5 มิถุนายน 2023 กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมญี่ปุ่น (METI), องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) และหอการค้าญี่ปุ่น รายงานความก้าวหน้าในการกำหนด "วิสัยทัศน์ร่วมสร้างเศรษฐกิจญี่ปุ่น-อาเซียน" เพื่อรำลึกครบรอบ 50 ปีมิตรภาพญี่ปุ่น-อาเซียนในปี 2023 นี้ และความร่วมมือในอนาคตอีก 50 ปีจากนี้ไป
- ‘ญี่ปุ่น’ ตั้งเป้าปี 2030 ผลิตเครื่องจักรกล 1.1 แสนยูนิต และหุ่นยนต์ 3.5 แสนยูนิต รับเทรนด์โลก
- ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรกลญี่ปุ่นปี 2566 เดือนเมษายน หดตัว 14.4%
- ‘ญี่ปุ่น’ ตั้งเป้าโต 3 เท่า ดันยอดขายชิป 1.13 แสนล้านเหรียญ ภายในปี 2030
Advertisement | |
โดยกำหนด 4 เสาหลักที่ประเทศญี่ปุ่นและสมาชิกอาเซียนจะมีส่วนสำคัญในการคิดค้นนวัตกรรมที่จะสามารถแก้ไขปัญหาในระดับมหภาคและกำหนดทิศทางการเติบโตร่วมกัน
1. ความหลากหลายทางเศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืน
ญี่ปุ่นและชาติพันธมิตรอาเซียนควรยกระดับความร่วมมือทั้งในระดับโลกและท้องถิ่น เพื่อมุ่งสู่ความยั่งยืนที่หลากหลายและครอบคลุม ตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมโลก โดยอาศัยการนำเทคโนโลยีในการลดก๊าซเรือนกระจกมาใช้อย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากประเทศสมาชิกอาเซียนยังต้องพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลและก๊าซธรรมชาติอย่างมาก
การนำเทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนมาใช้งานอย่างเหมาะสมก็ต้องคำนึงถึงโครงสร้างที่สำคัญทางอุตสาหกรรม สังคม และสภาพทางภูมิศาสตร์ โดยเทคโนโลยีที่จะทำให้ญี่ปุ่นและอาเซียนบรรลุเป้าความเป็นกลางทางคาร์บอน ได้แก่ เทคโนโลยีด้านการประหยัดพลังงาน, การดักจับคาร์บอน (Carbon Capture, Utilization and Storage: CCUS), และอื่น ๆ ซึ่งญี่ปุ่นควรมีส่วนร่วมในการพัฒนาพลังงาน ตลาดภาษีคาร์บอน ไปจนถึงโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ ตลอดจนการพัฒนาเมืองเพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำและยกระดับคุณภาพชีวิต และการกระจายอำนาจโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัล
2. การส่งเสริมเทคโนโลยีแบบไร้พรมแดน
การพัฒนานวัตกรรมแบบไร้พรมแดน คือ ปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญที่จะช่วยแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืน รวมถึงการส่งเสริมด้านวิจัยและพัฒนานวัตกรรมจากสถาบันต่าง ๆ ทั้งในญี่ปุ่นและชาติพันธมิตรอาเซียน ตลอดจนส่งเสริมความร่วมมือระหว่างบริษัทญี่ปุ่นและอาเซียนเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และธุรกิจใหม่ ๆ ให้สอดคล้องกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ
3. ชูจุดแข็งด้าน “Cyber-Physical connectivity”
ในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันของชาติพันธมิตรอาเซียนมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นปัจจัยนำมาสู่ความต้องการทางโครงสร้างพื้นฐานของแต่ละประเทศมีความแตกต่างกันออกไป
การเชื่อมต่อทางดิจิทัล (Connectivity) จะเป็นการส่งเสริมการเชื่อมต่อผ่านข้อตกลงทางเศรษฐกิจ เช่น RCEP และ CPTPP ไปจนถึงการพัฒนาทางด้านซัพพลายเชน โดยมีมาตรการต่าง ๆ มารองรับ ทั้งด้านโลจิสติกส์ การพาณิชย์ และการเงิน ไปจนถึงมาตรการกำแพงภาษี เพื่อให้การทำธุรกรรมระหว่างอาเซียนและญี่ปุ่นเป็นไปอย่างราบรื่นเช่นกัน
4. Ecosystem เพื่อแรงกระเพื่อมต้นทุนทางสังคม
การพัฒนาบุคลากรคือหัวใจหลักที่จะช่วยส่งเสริมให้วิสัยทัศน์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่น-ชาติพันธมิตรอาเซียนเกิดขึ้นได้จริง ซึ่งรวมถึงผู้เชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยี และจะต้องมีความเข้าใจวัฒนธรรมแบบผสมผสาน เพื่อก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางนวัตกรรมในภาคอุตสาหกรรม โดย Ecosystem ที่จะสร้างแรงกระเพื่อมต้นทุนทางสังคมจะมีส่วนในการเป็นแรงผลักดันในการพัฒนาบุคลากร รวมถึงการเปลี่ยนผ่านบุคลากรจากต่างประเทศ และสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวย ตลอดจนวิเคราะห์ถึงจุดแข็งและจุดอ่อน รวมถึงส่งเสริมบุคลากรในญี่ปุ่นและอาเซียน เพื่อให้สามารถเข้าถึงการศึกษาในหลักสูตรต่าง ๆ และโอกาสเข้าทำงานในประเทศญี่ปุ่น
ซึ่งหลังจากนี้ คณะกรรมการจะทำการทบทวน หารือ และกำหนดวิสัยทัศน์ต่อไปและมีแผนกำหนดวิสัยทัศน์อย่างเป็นทางการในการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจญี่ปุ่น-อาเซียน เดือนสิงหาคม 2023
#Japan #Asean #Economics #แรงงาน #Mreport #ข่าวอุตสาหกรรม
บทความยอดนิยม 10 อันดับ
- สรุปยอดขายรถยนต์ในไทย ปี 2565
- ครม. อนุมัติงบอุดหนุนรถ BEV 18,000 - 150,000 บาท/คัน
- ภาพรวมอุตสาหกรรมโซลาร์เซลล์ของไทย
- 17 อุตสาหกรรมแนวโน้มเติบโตในปี 2566
- 10 ตัวอย่างที่นำ 5G มาใช้งานได้อย่างน่าสนใจและประสบผลสำเร็จ
- เทคโนโลยีแห่ง G สู่ 5G เครือข่ายไร้สาย
- แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนคืออะไร ตลาดจะก้าวไปในทางไหนในปี 2030?
- เทคโนโลยีสำหรับโลจิสติกส์ ทางเลือกสู่ทางรอด ปรับก่อนโดนเบียด
- นิยามใหม่ SME ใช้ “รายได้” เป็นตัวกำหนด
- FTA ไทย มีกี่ประเทศ พอหรือไม่ ทำไมต้องคิดเรื่อง CPTPP
อัปเดตข่าวทุกวันที่นี่ www.mreport.co.th
Line / Facebook / Twitter / YouTube @MreportTH