สหรัฐฯ ดึง 232 ตรวจสอบ ชิ้นส่วน-รถยนต์นำเข้า

อัปเดตล่าสุด 30 พ.ค. 2561
  • Share :

พาณิชย์สหรัฐฯ เผย จะใช้มาตรา 232 ภายใต้กฎหมายการค้าสหรัฐ (เซฟการ์ด) สอบสวนการนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์จากต่างประเทศ โดยเป็นมาตราเดียวกับที่ประกาศขึ้นภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมไปเมื่อเดือนีนาคมที่ผ่านมา

เนื่องจากทางสหรัฐฯ พบหลักฐานว่าการนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนจากต่างประเทศเป็นการลดระดับการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ในสหรัฐฯ เอง สหรัฐฯ จึงต้องตรวจสอบว่าการนำเข้าเหล่านี้ทำให้เกิดความเสี่ยงในอุตสาหกรรมและขัดขวางการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ หรือไม่

ทั้งนี้มาตรา 232 เป็นมาตราตราภายใต้กฎหมาย Trade Expansion Act, 1962 ที่ให้อำนาจแก่รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดไต่สวน ตรวจสอบภายในประเทศเองกับกลุ่มสินค้าที่มีความเสี่ยงจะเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ โดยประธานธิบดีสามารถพิจารณาลดหรือจำกัดการนำเข้าโดยใช้มาตรการที่เหมาะสมได้

โดยเมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทรัมป์ได้มีแผนที่จะขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์บางรายการที่อัตรา 20 – 25% โดยมุ่งเป้าไปที่รถนำเข้าจากเยอรมนีเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตามในปี 2017 สหรัฐฯ ได้นำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศกว่า 8.3 ล้านคัน นำโดยเม็กซิโก แคนาดา ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และเยอรมนีตามลำดับ

จากการจะขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์นี้ส่งผลให้ผู้ผลิตรถยนต์ต่างกังวล โดยญี่ปุ่นระบุว่า หากการดำเนินการมาตรการใด ๆ ของสหรัฐญฯ ไม่ขัดต่อองค์การการค้าโลก (WTO) ทุกฝ่ายก็คงไม่กังวล แต่หากมีการดำเนินมาตรการดังกล่าวจริง จะถือได้ว่าสหสัฐฯ ได้แทรกแซงทางการค้าจนเลยเถิดไปแล้ว

ขณะที่ไทยก็ติดตามสถานการณ์การค้าของสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิดเพื่อเตรียมวางแผนรับมือ เนื่องจากเป็นตลาดส่งออกชิ้นส่วนอันดับ 1 ของไทย และเป็นตลาดส่งออกรถยนต์ลำดับที่ 11 ด้วย หากสหรัฐฯ ดำเนินมาตรการดังกล่าวไทยเองก็คงจะได้รับผลกระทบไม่น้อยเช่นกัน แม้จะมีสัดส่วนในการนำเข้าชิ้นส่วนและรถยนต์ไม่ถึง 1% ของการนำเข้าของสหรัฐฯ จากทั่วโลกก็ตาม