สนธิรัตน์ เล็ง E-commerce ขยายส่งออก

อัปเดตล่าสุด 15 พ.ค. 2561
  • Share :
  • 374 Reads   

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “แนวโน้มเศรษฐกิจและโอกาสการพัฒนาธุรกิจไทย”ภายในงานประชุมสมาชิก Entrepreneurs’ Organization หรือ EO เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 2561 ณ โรงแรมสุโขทัย กรุงเทพฯ โดยระบุว่า ปัจจุบันการค้าโลกได้ถูกปรับเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างมาก กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีความคิดขอองการปรับใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทมากที่สุดต่อการขับเคลื่อนการค้า

นอกจากนี้ การค้าออนไลน์ หรืออีคอมเมิร์ซ ก็เป็นตลาดที่สร้างโอกาสทางการค้ามากขึ้น ยกระดับขีดความสามารถให้กับผู้ค้าทั้งขนาดกลาง และขนาดย่อมให้มีโอกาสทางการแข่งขัน เข้าถึงตลาดได้เท่าเทียมกับผู้ค้ารายใหญ่ ยกตัวอย่างกระแสนิยมทุเรียนไทย ที่ทำให้มียอดจำหน่ายสูงในระยะเวลาอันรวดเร็ว เพียงแต่ผู้ประกอบการเข้าถึงโอกาสการค้าอีคอมเมิร์ซ

“กระทรวงพาณิชย์เราได้ปรับการทำงานใหม่ ไม่ได้มองแค่การส่งออกไปยังตลาดหลัก และตั้งเป้าเพิ่มตัวเลขทางการส่งออก แต่เรามองการเข้าถึงเมืองรอง มองโอกาสการต่อยอดตลาดด้วยอีคอมเมิร์ซ มองการทำพาร์ทเนอร์กับประเทศต่าง ๆ เป็นส่วนผลักดันให้ผู้ประกอบการไทยออกไปเติบโตและส่งเงินกลับเข้าสู่ประเทศ จึงจะเห็นได้ว่าปัจจุบันเราพยายามผลักดันการลงทุนตั้งฐานการผลิตในประเทศเพื่อนบ้าน ทำพาร์ทเนอร์กับประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ กัมพูชา เพื่อมองโอกาสการขนส่งระยะใกล้ไปยังตลาดใหญ่อย่างจีน ส่วนนี้จะช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้ประกอบการไทย และส่งเงินกลับประเทศได้มหาศาล”

นายสนธิรัตน์ ยังกล่าวอีกว่า สำหรับแนวโน้มของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ มั่นใจว่าจะมีอัตราการขยายตัวในระดับ 4% เช่นเดียวกับภาคการส่งออกของไทย ในปีนี้มั่นใจว่าจะขยายตัวสูงถึง 8% ซึ่งเกิดจากปัจจัยบวกแวดล้อมทั้งเศรษฐกิจโลก และกลยุทธ์การส่งออกใหม่ที่ขยายไปยังเมืองรอง ทำการค้าแบบอีคอมเมิร์ซเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น ทั้งนี้เชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะเป็นประเทศมหาอำนาจด้านการค้าได้อย่างแน่นอน เพราะมีจุดแข็งที่ตั้งที่เป็นไข่แดงของภูมิภาคที่มีเศรษฐกิจเข้มแข็งอย่างอาเซียนอยู่แล้ว หลังจากนี้เมื่อมีการพัฒนาโลจิสติกส์จะเพิ่มขีดความสามารถให้ไทยได้มากขึ้น

ทั้งนี้ จากปัจจัยบวกข้างต้น อยากชี้แนะแก่ผู้ประกอบการไทยที่กำลังมองโอกาสขยายธุรกิจในตลาดการค้าโลก ให้ประเมินใน 3 ปัจจัยหลักเพื่อสร้างความเข้มแข็ง คือ 1.ต้องรู้ศักยภาพของตนเอง หาจุดแข็งที่จะเข้าไปอยู่ในตลาดระดับโลก 2.มองทิศทางในอนาคต พร้อมกับวิเคราะห์จุดยืนของตนเอง เมื่อหากมีธุรกิจอื่นเข้ามาทดแทนจะต้องทำอย่างไร และ 3.ต้องเข้าใจถึงกลไกการค้าโลกที่เปลี่ยนไป นักธุรกิจเกิดใหม่อย่างต่อเนื่อง การแข่งขันในตลาดโลกก็หมุนเปลี่ยนไวและมีการแข่งขันตลอด

“การทำธุรกิจในเวทีการค้าโลก ต้องไม่มองแค่ตัวเอง ต้องมองรอบด้าน ประเมินสิ่งที่จะเกิดขึ้น เพื่อรับมือ และวางกลยุทธ์ ยุทธศาสตร์ให้ทัน ตอนนี้การค้าเปลี่ยนแปลง ต้องเริ่มจากการทำความเข้าใจ และตามให้ทัน” นายสนธิรัตน์ กล่าวทิ้งท้าย

ทั้งนี้ Entrepreneurs’ Organization หรือ EO เป็นสมาคมนักธุรกิจชั้นนำระหว่างประเทศที่มีเครือข่ายระดับโลก ครอบคลุมในหลากหลายอุตสาหกรรม ก่อตั้งขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปี ค.ศ.1987 ปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 12,000 คน ใน 58 ประเทศทั่วโลก โดยสมาชิกเป็นเจ้าของธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรม มียอดขายรวมกันมากกว่า 536,000 ล้านดอลลาร์ สหรัฐต่อปี สำหรับประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1995 ปัจจุบันมีจำนวนสมาชิกประมาณ 109 คน มียอดขายธุรกิจรวมกันประมาณกว่า 100,000 ล้านบาท