กระทรวงพาณิชย์เผย อัตราเงินเฟ้อเดือนกุมภาพันธ์ ขยายตัว 0.42%

อัปเดตล่าสุด 5 มี.ค. 2561
  • Share :

นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า หรือ สนค. กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป หรือ อัตราเงินเฟ้อ ของช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2561 พบว่า มีอัตราการขยายตัวสูงขึ้นร้อยละ 0.42 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 ทำให้ผลเฉลี่ยสองเดือนแรกของปี 2561 สูงขึ้นร้อยละ 0.56

ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิต เดือนกุมภาพันธ์ 2561 เทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ 2560 ปรับตัวลดลง -1.9 % เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 โดยมีสาเหตุสำคัญจากการลดลงของราคาหมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ลดลง -1.3%) และโหมดผลผลิตเกษตรกรรม (ลดลง -7.4%) โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์และเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ ผลิตภัณฑ์อาหาร เครื่องดื่มและยาสูบ ผลิตภัณฑ์ยางและพลาสติก และยานพานะ รวมทั้งหมวดเกษตร ในขณะที่ราคาในหมวดผลิตภัณฑ์จากเหมืองเพิ่มขึ้น +3.1% (โดยเฉพาะจากกลุ่มสินค้าปิโตรเลียมและก๊าซธรรมชาติ) และหากเทียบกับเดือนมกราคม 2561 ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนนี้ลดลง -0.2% เทียบกับเดือนที่แล้วโดยเป็นการลดลงของหมวดอุตสาหกรรมเป็นหลัก รวม 2 เดือนแรกของปี 2561 ดัชนีราคาผู้ผลิตลดลง -1.5% (AoA)

ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อ เฉลี่ยในปี 2561 กระทรวงพาณิชย์ คาดการณ์ว่าทั้งปีจะขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 0.7-1.7 อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ ขยายตัวร้อยละ 3.6-4.6 อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 32-34 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 55-65 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล

การเพิ่มขึ้นของดัชนีราคาผู้บริโภค (ทั้งเงินเฟ้อทั่วไปและเงินเฟ้อพื้นฐาน) อย่างต่อเนื่องสวนทางกับการลดลงต่อเนื่องของดัชนีราคาผู้ผลิต ประกอบกับเครื่องชี้วัดด้านการบริโภคภาคเอกชนต่างๆ ที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในทิศทางเดียวกันโดยเฉพาะการบริโภคภาคเอกชน (ในองค์ประกอบของ GDP) ยอดการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม การส่งออก และดัชนีความเชื่อมั่นต่างๆ ชี้ว่าเศรษฐกิจในประเทศกำลังฟื้นตัวและมีอุปสงค์ในสินค้าและบริการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และการดำเนินนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐในช่วงที่ผ่านมาเริ่มส่งผลดี ทำให้แนวโน้มเงินเฟ้อในปี 2561 มีทิศทางที่เข้าสู่เป้าหมายนโยบายการเงินสำหรับระยะปานกลางที่รัฐบาลกำหนดไว้ที่ 2.5% ±1.5% มากขึ้น