“เทรดวอร์” ทุบธุรกิจไทย เอฟเฟ็กต์ลูกค้าจีนหยุดซื้อ “อสังหา-ท่องเที่ยว” สะเทือน

อัปเดตล่าสุด 27 พ.ค. 2562
  • Share :
  • 442 Reads   

“สงครามการค้า” ระเบิดเวลาลูกใหม่ เริ่มออกฤทธิ์ฟาดหางเศรษฐกิจไทย “อสังหาฯ-ค้าปลีก-ท่องเที่ยว” ทรุดยกแผง ชี้ไทยพึ่งพากำลังซื้อจากจีนสูง สมาคมคอนโดฯ เผยจีน “หยุดซื้อ-ยื้อโอน” แอล.พี.เอ็น.ฯ ดิ้นช่วยยืดเวลาผ่อน เผยไตรมาสแรก “นักท่องเที่ยวจีน” วูบ 1.72% สมาคมท่องเที่ยวฯเตือนผู้ประกอบการไทยอย่าขยับลงทุน

ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่าผลกระทบจาก “สงครามการค้า” ระหว่างสองมหาอำนาจ “สหรัฐและจีน” ที่มีมาตรการตอบโต้รุนแรงมากขึ้น สารพัดรูปแบบจนทำให้ลุกลามเป็น “สงครามเทคโนโลยี” (Tech War) รวมไปถึงที่หลายฝ่ายกังวลว่า จีนเปิดศึก “สงครามค่าเงิน” เพื่อต่อกรกับสหรัฐ สถานการณ์ดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อภาพรวมการค้าโลกชะลอตัว และทำให้ตัวเลขส่งออกของไทยเดือน เม.ย.ติดลบ 2.6% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่สองจากเดือนมีนาคม 2562 ติดลบ 4.6% และนอกจากภาคส่งออกแล้ว ภาคธุรกิจในประเทศไทยหลายเซ็กเตอร์ก็ต้องเผชิญปัญหากำลังซื้อของกลุ่มลูกค้าจีนที่เข้ามาท่องเที่ยว รวมทั้งเข้ามาลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์หดหายไป และกำลังส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปในหลาย ๆ ธุรกิจเนื่องจากปัจจุบันธุรกิจในประเทศพึ่งพากำลังซื้อจากชาวจีนค่อนข้างมาก
 

ทุบส่งออกรถยนต์ต่ำสุดรอบ 2 ปี

ขณะที่กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยตัวเลขการค้าระหว่างประเทศใน 4 เดือนแรก (ม.ค.-เม.ย.) 2562 มูลค่า 80,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ติดลบ 1.9% ที่น่าห่วงคือสินค้ากลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่งมีน้ำหนักถึง 79.5% ของการส่งออก ติดลบ 2.15% โดยสินค้าน่าห่วงที่สุด คือ กลุ่มรถยนต์และส่วนประกอบ -5.72% อิเล็กทรอนิกส์ -11.35% อัญมณีและเครื่องประดับ -8.33% พลาสติก -3.90% เครื่องจักรกล -12.22% และสิ่งทอ -1.43% เป็นต้น โดยส่งออกเดือน เม.ย.ติดลบ 2.6% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่สอง จากเดือนมีนาคม 2562 ติดลบ 4.6%

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ส.อ.ท. เปิดเผยว่า ยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปในเดือนเมษายน 2562 มีจำนวน 67,114 คัน ต่ำสุดในรอบ 24 เดือน โดยลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน 7.52% โดยการส่งออกลดลงทุกตลาด เว้นตลาดออสเตรเลียและตะวันออกกลาง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนส่งผลให้ 4 เดือนแรกปีนี้มียอดส่งออกรวม 366,955 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 0.23%
สำหรับยอดขายรถยนต์ภายในประเทศเดือนเมษายนอยู่ที่ 86,076 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน 8.7% เนื่องจากมีการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ในงานมอเตอร์โชว์ ในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ขณะที่ยอดจำหน่าย 4 เดือนแรกปีนี้อยู่ที่ 349,625 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 10.5%


ขณะที่นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่าเรื่องเทรดวอร์พูดมาตลอด ตั้งแต่ต้นปี 2562 ว่า แนวโน้มสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนมีความผันผวนสูงมาก ขณะที่ปัจจัยการเมืองระหว่างประเทศก็เป็นปัจจัยที่สำคัญมาก ซึ่ง ธปท.คงจะต้องติดตามและประเมินสถานการณ์ต่อเนื่องต่อไป

จีนหยุดซื้อคอนโดฯ-ยื้อโอน

ดร.อาภา อรรถบูรณ์วงศ์ นายกสมาคมอาคารชุดไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า สถานการณ์ลูกค้าชาวจีนที่เข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทย กลุ่มที่จ่ายเงินดาวน์แล้ว 30% ยังคงมีการโอนกรรมสิทธิ์ เพียงแต่การโอนเงินอาจล่าช้ากว่ากำหนด ถือเป็นเรื่องปกติ เมื่อมีสถานการณ์ที่กระทบต่อความรู้สึกลูกค้าก็อยากจะเก็บเงินติดตัวไว้ก่อน ซึ่งคาดว่าจะทำให้การโอนกรรมสิทธิ์ล่าช้ากว่าปกติประมาณ 3-4 เดือน


ทั้งนี้ คาดว่าจะมีลูกค้าชาวจีนประมาณ 50% เริ่มดึงการจ่ายเงิน แต่ยังไม่ถึงขั้นที่ยกเลิกการโอน ส่วนการขายใหม่ตอนนี้สะดุดอยู่แล้ว เนื่องจากชาวจีน wait and see ดูสถานการณ์ว่าจะยึดเยื้อ หรือรุนแรงมากขึ้นแค่ไหน ซึ่งตอนนี้อยู่ที่สายป่านเจ้าของโครงการว่าสายป่านยาวแค่ไหน หากลูกค้าจีนดึงการโอนช้าลง ถ้าสายป่านยาว กระแสเงินสดเงินหมุนเวียนดี ก็ยังพอเลี้ยงตัวเองได้ไม่กระทบ


“อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่คอนโดมิเนียมทุกโครงการจะขายลูกค้าต่างชาติได้ คนจีนจะเลือกซื้อเฉพาะจุดที่เขารู้จัก โดยเมื่อโครงการขายได้ก็จะมีสัดส่วนลูกค้าจีนประมาณ 20-40% แต่จากสถานการณ์สงครามการค้าส่งผลให้ตอนนี้ลูกค้าจีนลดลงโดยอัตโนมัติ ปัจจุบันโครงการที่เปิดขายใหม่ สัดส่วนลูกค้าชาวจีนลดลงเกือบเป็น 0% ช่วงนี้คนจีนหยุดซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทย ถ้าสหรัฐกับจีนเลิกทะเลาะกันเมื่อไหร่ มันจะดีขึ้นเอง” ดร.อาภากล่าว


LPN ยืดผ่อนลูกค้าจีน

นายสุรวุฒิ สุขเจริญสิน เจ้าหน้าที่บริหารระดับสูงด้านกลยุทธ์และวางแผนธุรกิจ บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อชาวจีนที่จะเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยอย่างแน่นอน ทั้งในแง่ของเงินหยวนที่อ่อนค่าลง ดังนั้น ลูกค้าที่เคยทำสัญญาซื้อขายไว้แล้วมาโอนในตอนนี้ ก็เสมือนซื้อสินค้าแพงขึ้นมา 5-10% จากค่าเงินที่อ่อนตัวลง


อีกประเด็นคือรัฐบาลจีนคุมเข้มการนำเงินออกนอกประเทศ หากสงครามทางการค้ายิ่งทวีความรุนแรงขึ้น เงินหยวนอาจจะอ่อนตัวลงอีก ฉะนั้น ด้วย 2 ประเด็นนี้ ลูกค้าจีนยังไงก็น่าจะมีแนวโน้มที่จะโอนช้าลง ซึ่งถ้าแย่ที่สุดเขาอาจจะทิ้งโอน
“ในระยะสั้นต้องหาวิธีช่วยยืดหยุ่นที่จะให้ลูกค้าชาวจีนโอนได้ง่ายที่สุด เช่น อาจจะต้องยืดระยะเวลาการผ่อน ส่วนลูกค้าใหม่ต้องปรับเปลี่ยนสัดส่วนลูกค้าต่างชาติไปที่ชาติอื่นมากขึ้น”
 

“เชียงใหม่-ภูเก็ต” จีนหยุดลงทุน

ด้านนายวโรดม ปิฎกานนท์ ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า หากสงครามการค้ายืดเยื้อจะเพิ่มความเสี่ยงต่อภาคการท่องเที่ยว และธุรกิจอสังหาฯของเชียงใหม่ เนื่องจากชาวจีนเป็นทั้งนักท่องเที่ยวและผู้ซื้อคอนโดมิเนียมและบ้านกลุ่มหลักของเชียงใหม่ มองว่าผลกระทบต่อภาคท่องเที่ยวจะไม่มากเท่ากับธุรกิจอสังหาฯ เนื่องจากชาวจีนที่มาท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นทุกปี แต่การจะหาผู้ซื้อคอนโดฯและบ้านมาทดแทนชาวจีนค่อนข้างยาก ผู้ประกอบการต้องติดตามสถานการณ์ และเตรียมแผนสำรองรองรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ อาทิ กระจายการพึ่งพาตลาดนักท่องเที่ยวจีน หรือทำสัญญาทางธุรกิจกับนักลงทุนหรือผู้ซื้อจากจีนด้วยความระมัดระวังและเคร่งครัด


นายพัทธนันท์ วิสุทธิ์วิมล ผู้บริหารบริษัท แคปส์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ในฐานะนายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต เปิดเผยว่า การลงทุนอสังหาฯในภูเก็ตมีแนวโน้มชะลอตัว เนื่องจากนักลงทุนชาวจีนตัดสินใจชะลอการลงทุนไปก่อน จนกว่าสถานการณ์สงครามการค้าจะมีความชัดเจนมากขึ้น รวมถึงผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ทำให้ต้นทุนในการซื้อบ้านหรือคอนโดฯสูงขึ้นด้วย รวมทั้งนโยบายป้องกันการนำเงินออกนอกประเทศของจีน ทำให้การโอนเงินเพื่อซื้ออสังหาฯในภูเก็ตมีความยุ่งยากมากขึ้นด้วย


แอตต้าเตือนเอกชนชะลอลงทุน

นายวิชิต ประกอบโกศล นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว หรือแอตต้า กล่าวว่า ข้อมูลของกระทรวงการท่องเที่ยวฯระบุว่า จำนวนนักท่องเที่ยวจีนในช่วง ม.ค.-มี.ค. 2562 มีจำนวน 3.12 ล้านคน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 1.72% ขณะที่สร้างรายได้รวม 1.72 แสนล้านบาท ลดลง 1.82% ส่วนหนึ่งเป็นผลกระทบต่อเนื่องมาจากเหตุเรือล่มในช่วงปลายปี 2561 ทำให้เครื่องบินแบบชาร์เตอร์ไฟลต์บางส่วนเปลี่ยนเส้นทางไปประเทศอื่น

“ตลาดจีนตอนนี้เราต้องมอนิเตอร์อย่างใกล้ชิด เพราะมีปัจจัยใหม่ ๆ เข้ามาเป็นตัวแปรส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นประเด็นสงครามการค้า ค่าเงิน รวมถึงเรื่องของเทคโนโลยี บวกกับพฤติกรรมนักท่องเที่ยวและตลาดโดยรวมเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้แอตต้าจึงส่งสัญญาณให้สมาชิกและผู้ประกอบการไทยประเมินสถานการณ์ให้ดี และอย่าเพิ่งขยับการลงทุนเพิ่มมากนัก แต่ควรดูประเด็นด้านการปรับตัวและตั้งรับให้ดี” นายวิชิตกล่าว

หากประเมินจากจำนวนและรายได้ของกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนยังถือว่าอยู่ในระดับที่ดี ไม่ได้น่าตกใจนัก เนื่องจากฐานตลาดเดิมที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่จึงไม่สามารถเติบโตแบบก้าวกระโดด 8-10% ได้อีกต่อไป ขณะเดียวกันช่วงที่ผ่านมาประเทศไทยมีการลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของโรงแรม ร้านอาหาร รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวไม่ได้ขยายตัวในสัดส่วนที่สอดรับกับซัพพลายที่เพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการอาจรู้สึกว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยและตลาดจีนไม่ดีอย่างที่คาดการณ์ไว้

ห่วงลากกำลังซื้อทรุดทั้งระบบ

นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) ยักษ์ธุรกิจอีเวนต์กล่าวว่า สิ่งที่น่ากังวลคือผลกระทบโดยตรงที่จะเกิดกับคนจีน ซึ่งประเทศไทยพึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยวเป็นอันดับต้น ๆ ของจีดีพี ขณะที่คนจีนเป็นนักท่องเที่ยวอันดับ 1 ดังนั้นเศรษฐกิจไทยก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย หากนักท่องเที่ยวจีนมีปัญหา ไม่ออกมาใช้จ่าย ก็จะลามไปยังธุรกิจอื่นที่เกี่ยวเนื่องกัน ไม่ว่าจะเป็น โรงแรม ร้านอาหาร สินค้าและบริการต่าง ๆ

นางสาวปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทจับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมแผนรองรับ เนื่องจากเซ็ปเป้มีสัดส่วนยอดขายที่ส่งออก 60% ที่ต้องจับตาคือสงครามการค้าครั้งนี้จะส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจโลกมากแค่ไหน เพราะหากสถานการณ์ยืดเยื้อก็จะกระทบกับกำลังซื้อของคนทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ของโลก
ยักษ์ค้าปลีกโดนหางเลข
นางสาวศุภลักษณ์ อัมพุช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ธุรกิจค้าปลีกอย่างเดอะมอลล์ก็ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าเช่นกัน เพราะปัจจุบันนักท่องเที่ยวจีนถือเป็นกลุ่มกำลังซื้อสำคัญของศูนย์การค้า ผลจากสงครามการค้าทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้กำลังซื้อของนักท่องเที่ยวจีนลดลงไปด้วย

ด้านนายพิพิธ เอนกนิธิ กรรมการผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย หรือ KBANK กล่าวว่า สำหรับในส่วนของธนาคารกสิกรฯที่อยู่ในประเทศจีน ก็ได้รับผลกระทบในแง่สินเชื่อเทรดไฟแนนซ์ลดลง ตามปริมาณการค้าที่ลดลง และความต้องการใช้เงินของลูกค้าในจีนที่ลดลง ซึ่งเคแบงก์ก็ระมัดระวังเพิ่มขึ้น ลูกค้ามาขอใช้วงเงินก็จะต้องถามข้อมูลมากขึ้น เพื่อป้องกันความเสี่ยง เช่น ส่งออกประเภทไหน ซัพพลายเออร์เจ้าไหน อย่างไรก็ตาม กสิกรฯถือว่าเล็กมากในตลาดจีน ดังนั้นจึงยังสามารถปรับไปหากลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบ

“สถานการณ์ขณะนี้ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะส่งผลกระทบออกไปมากน้อยเพียงใด สิ่งที่จะต้องติดตามคือเหตุการณ์จะรุนแรงไปถึงขั้นไหน ซึ่งไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเหตุการณ์ข้างหน้าจะเป็นอย่างไร”
 

ห่วงเกิดสงครามค่าเงิน

นายศรัณย์ ภู่พัฒน์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ธนาคารทหารไทย (ทีเอ็มบี) กล่าวว่า สงครามการค้าจีน-สหรัฐที่เกิดขึ้นเป็นประเด็นที่ทั่วโลกจับตามอง และคาดว่าจะไม่สามารถหาข้อยุติได้ในเร็ว ๆ นี้ เนื่องจากมีประเด็นอื่น ๆ ที่นอกเหนือสงครามการค้าซ่อนอยู่ ทั้งนี้จะเห็นได้ว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลให้ตลาดการเงินมีความผันผวน โดยเฉพาะแถบเอเชียเหนือ อย่างเกาหลีใต้ ไต้หวัน ที่ค่าเงินตกต่ำลง ขณะที่ประเทศไทย ซึ่งนักลงทุนมองว่ามีความปลอดภัย (safe haven) เนื่องจากเงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์ และสวนทางกับภูมิภาคที่อ่อนค่าลง


กรณีของสงครามค่าเงินระหว่างจีนและสหรัฐจะเกิดขึ้นหรือไม่นั้น นายศรัณย์กล่าวว่า “ต้องดูว่าสหรัฐจะหยุดขึ้นภาษีหรือไม่ แต่หากสหรัฐยังคงปรับขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนจากเดิมที่ 2 แสนล้าน เป็น 3 แสนล้าน สิ่งที่จีนจะทำได้ง่ายที่สุดคือการทำให้ของราคาถูกลง โดยปรับลดค่าเงินหยวนให้อ่อนค่าลง ซึ่งหากจีนตอบโต้โดยการลดค่าเงินหยวนก็จะส่งผลให้ค่าเงินในภูมิภาคอ่อนค่าลงตามค่าเงินหยวนไปด้วย”