“ชุติมา” ยันทำงานเต็มที่จนกว่าหมดวาระ สิ้นสุดรัฐบาล พร้อมเตรียมการรับมือสหรัฐขึ้นภาษีสินค้าจีน กระทบส่งออกไทย
“ชุติมา” ยันยังทำงานเต็มที่จนกว่าหมดวาระ ขณะที่ พาณิชย์เตรียมหามาตรการรับมือสหรัฐเก็บภาษีจีน ขึ้น 25% และยังมั่นใจโอกาสส่งออกสินค้าไทยไปต่างประเทศยังมี แม้สหรัฐจะถูกเรียกเก็บภาษีสูง ส่วนสินค้าเกษตรยังติดตามใกล้ชิด
นางสาวชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังประชุมร่วมผู้บริหารกระทรวง ว่า ได้ยืนยันให้ข้าราชการกระทรวงทราบว่าจะทำหน้าที่จนกว่าจะหมดวาระรัฐบาลนี้ และไม่ตัดสินใจลาออก เพื่อไปเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ว.) ตามกระแสข่าวแต่อย่างใด ดังนั้น ในช่วงเวลาที่เหลือของรัฐบาลนี้จะพยายามทำทุกเรื่องที่ค้างเต็มที่ และการประชุมวันนี้จึงติดตามสถานการณ์ด้านการค้าระหว่างประเทศโดยเฉพาะกรณีสหรัฐประกาศเรียกเก็บภาษีสินค้าบางรายการเพิ่มจากจีน จาก 10 % เป็น 25 % ถือเป็นการขึ้นเต็มอัตราภาษีที่จะขึ้นและคงต้องติดตามสัปดาห์นี้ว่าสหรัฐจะประกาศรายสินค้าที่เรียกเก็บจากจีนเพิ่มในกลุ่มเดิมและกลุ่มใหม่มากน้อยแค่ไหน
ทั้งนี้ จากการเรียกเก็บภาษี 10% ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ยอมรับว่ามีทั้งดีและไม่ดีต่อประเทศไทยที่ส่งออกไปทั้ง 2 ประเทศ และพบว่าทำให้ไทยส่งออกลดลง 0.3 % หรือมีมูลค่า 779 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากยอดส่งออกรวมกว่า 225,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2561 ที่ผ่านมา โดยในตลาดจีน ไทยส่งออกไปจีนลดลง 13,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ขณะเดียวกันก็สามารถส่งออกไปสหรัฐได้เพิ่มขึ้น 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีส่วนต่างประมาณ 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แสดงให้เห็นว่าแม้การส่งออกของไทยโดยรวมจะลดลงบ้าง แต่เชื่อว่าไทยยังมีโอกาสเร่งผลักดันการทำตลาดทั้ง 2 ประเทศได้ อีกทั้งประเทศคู่แข่งที่เคยส่งไปทั้ง 2 ประเทศยังมีโอกาสหาตลาดประเทศอื่น ๆ ถือเป็นโอกาสดีของไทยที่หลายประเทศสั่งซื้อวัตถุดิบของไทยเพิ่มเติม
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์กำลังติดตามรายการสินค้าใหม่ที่สหรัฐจะประกาศเรียกเก็บภาษีเพิ่ม จะมีสินค้าใด ที่จะกระทบ ส่วนที่ได้ผลดีมีหลายกลุ่มสินค้าไม่ว่าเครื่องหนัง อาหาร สินค้าเดินทาง เฟอร์นิเจอร์ยังมีโอกาสเจาะตลาดเพิ่มได้อีกมาก ซึ่งขณะนี้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศปรับแผนการทำตลาดรายกลุ่มแบบเชิงลึก เพื่อให้สินค้าไทยมีโอกาสเข้าไปเจาะตลาดทั้งตลาดหลัก ตลาดรอง และตลาดใหม่ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ไม่ได้นิ่งนอนใจและจะพยายามอย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตาม จากมาตรการที่สหรัฐจะประกาศขึ้นภาษีย่อมส่งผลให้การส่งออกปีนี้ติดลบหรือเป็นบวกมากน้อยแค่ไหนคงยังไม่สามารถประเมินภาพรวมทั้งหมดได้อย่างเต็มที่ แต่สิ่งสำคัญการส่งออกของไทยจะเติบโตแค่ไหนไม่ได้ขึ้นอยู่กับไทยประเทศเดียว แต่ขึ้นอยู่กับกลุ่มประเทศผู้ค้าของไทยจะหันมาซื้อสินค้าไทยมากน้อยแค่ไหน แต่มีแผนรองรับที่จะทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน โดยช่วงเดือนปลายเดือนพฤษภาคมนี้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจะจัดประชุมหัวหน้าสำนักงานการค้าในต่างประเทศทั่วโลก หรือทูตพาณิชย์ เพื่อประเมินสถานการณ์การส่งออกภายใต้ผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐและจีน แนวโน้มราคาน้ำมัน เป็นต้น
อีกทั้ง กระทรวงพาณิชย์ยังเร่งติดตามการดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและสินค้าเกษตร ซึ่งได้รับรายงานจากกรมการค้าภายในโดยรวมสินค้าอุปโภคบริโภคยังปกติไม่มีสินค้าใดปรับขึ้นอย่างผิดปกติ แต่สินค้าภาคเกษตรมีหลายรายการปรับลดลงตามภาวะฤดูกาล ทางกรมการค้าภายในติดตามอย่างใกล้ชิด ซึ่งที่ประชุม คณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวานนี้ (7 พ.ค.) อนุมัติเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรับซื้อปาล์มผ่านการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) โดยมาตรการเหล่านี้คาดว่าจะส่งผลให้ภาพรวมของผลปาล์มปรับสูงขึ้นและลดปริมาณสต็อกน้ำมันปาล์มให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว และปลายสัปดาห์นี้จนถึงต้นสัปดาห์หน้ากระทรวงพาณิชย์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบปริมาณน้ำมันปาล์มดิบภาคเอกชนทั้งระบบ เพื่อให้ได้รับทราบปริมาณน้ำมันปาล์มในโรงสกัดมากน้อยแค่ไหน เพื่อรายงานกระทรวงพลังงาน และหวังว่าจากแนวทางลดปริมาณน้ำมันปาล์มให้กลับมาปกติจะส่งผลให้ผลปาล์มดิบสูงขึ้นไม่ต่ำกว่า 3 บาท ต่อกิโลกรัมแน่นอน