“สุริยะ”ย้ำไทยเป็นประเทศที่มีโอกาสทางเศรษฐกิจสูงจากปัจจัยภายใน
เมื่อวันที่ 5 ส.ค.62 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ตอกย้ำโอกาสของประเทศไทยในการพัฒนาเศรษฐกิจให้เจริญรุดหน้าได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านของการที่ประเทศไทยมีภูมิศาสตร์ที่เป็นศูนย์กลางของอาเซียน การพัฒนาขีดความสามารถทางการแข่งขันอยู่ในระดับที่ดีขึ้น และการมีโครงสร้างเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งจะเป็นหัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ชัดเจน สร้างความมั่นใจให้กับนานาประเทศได้
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวในการร่วมเสวนาในงานบางกอกโพสต์ ฟอรั่ม 2019 ทิศทางประเทศไทยภายใต้รัฐบาลใหม่ ในหัวข้อ “Roadmap to Success Up Close with Thailand’s New Ministry” โดยระบุว่า จากสถานการณ์การค้าโลกปัจจุบันที่เกิดสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกา และจีน ได้ส่งผลกระทบให้กับเศรษฐกิจโลกอย่างรุนแรง เห็นได้จาก GDP ของประเทศจีนที่อยู่ในระดับ 4.5-4.6 ซึ่งตกต่ำที่สุดในรอบ 28 ปี เช่นเดียวกับประเทศสิงคโปร์ที่อยู่ที่ระดับ 1.1 ก็ตกต่ำเช่นเดียวกัน ขณะที่ประเทศไทยก็ได้รับผลกระทบทำให้ GDP ภาคอุตสาหกรรมไทยเติบโตชะลอตัวลง
“แม้ว่าจะมีปัญหาอุปสรรคต่างๆ แต่การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในประเทศในมุมบวก ประเทศไทยยังมีโอกาสก้าวไปสู่การเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องได้ โดยการหาประโยชน์จากการที่ 2 ประเทศที่กำลังมีการแข่งขันกันสูง ซึ่งแน่นอนว่าจะมีเรื่องของกำแพงภาษีมาเกี่ยวข้อง ตรงนี้จะเป็นโอกาสของประเทศไทย ในการชักชวนนักธุรกิจจากทั้งสองประเทศให้มาลงทุนในประเทศไทย โดยในช่วง 2 เดือนนี้ ผมจะเดินทางไปยังประเทศเป้าหมายเพื่อชักชวนนักลงทุนให้มาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งปัจจัยหลักๆที่จะใช้ในการดึงดูดนักลงทุน ก็คงไม่พ้นที่ประเทศไทยมีความได้เปรียบทางสภาพทางภูมิศาสตร์ที่เราอยู่ตรงศูนย์กลางของภูมิภาคเป็นจุดศูนย์กลางอาเซียน และเป็นจุดยุทธศาสตร์ทางด้านโลจิสติกส์ ที่เป็นประตูเชื่อมต่อไปยังประเทศเศรษฐกิจสำคัญ ทั้งสิงคโปร์ มาเลเซีย จีน และเวียดนาม
นอกจากนี้ เรายังมีโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ที่จะเป็นเสมือนหัวจักรในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไทยให้กลับมาเติบโตอีกครั้ง ซึ่งไม่ใช่เฉพาะการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเท่านั้น แต่รวมถึงเรื่องสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาเมืองที่กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย จะเป็นผู้ดูแลเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับชุมชนรอบด้าน”นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ กล่าว
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวอีกว่า ในส่วนของการพัฒนา SMEs จะมีการยกระดับผู้ประกอบการ SMEs และ Startups ให้เติบโตและเข้มแข็ง ด้วยการยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ ผลิตภาพอุตสาหกรรม และนวัตกรรม มุ่งสู่เศรษฐกิจที่ตอบโจทย์วิถีไทย คือ ต้องสอดคล้องกับศักยภาพพื้นฐานของไทยและสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานรากเพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเริ่มจากการพัฒนาในระดับต้นน้ำ คือ ภาคเกษตรเชื่อมโยงภาคการเกษตรสู่เกษตรอุตสาหกรรมนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมไปช่วยให้เกิด Smart Farming เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม สร้างรายได้กระจายสู่ท้องถิ่น ที่สำคัญคือการสนับสนุนด้านแหล่งเงินทุน ผ่านมาตรการทางการเงินใหม่ๆ ของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME Development Bank) เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการ SMEs และผู้ประกอบการรายย่อย หรือ คนตัวเล็กสามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้
สำหรับการสัมมนาประจำปี บางกอกโพสต์ ฟอรัม 2019 ในหัวข้อ “Roadmap to Success: Up Close with Thailand’s New Ministers”จัดขึ้น ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์แอทเซ็นทรัลเวิลด์ โดยมี 7 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเข้าร่วม ประกอบด้วย นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เข้าร่วมในการเสวนาด้วย