Goldman Sachs ธนาคารเพื่อการลงทุนข้ามชาติ และบริการด้านการเงินของสหรัฐอเมริกา คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวมาตั้งแต่ต้นปี 2018 กำลังจะฟื้นตัว สืบเนื่องจากการตัดสินใจลงทุนที่ง่ายขึ้น และความพยายามในการยุติสงครามการค้า และประเมินว่า GDP เฉลี่ยจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในปี 2020 ก่อนจะเริ่มดีขึ้นในปีถัดไป 

เมื่อปี 2018 Goldman Sachs คาดว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลกจะลดลงจาก 3.8% ในปี 2018 มาอยู่ที่ 3.5% ในปี 2019 ซึ่งมีปัจจัยหลักมาจากนโยบายของสหรัฐอเมริกา และสถานการณ์ทางการเงินที่ทำให้ธุรกิจมีความรัดกุมมากยิ่งขึ้น

แต่เมื่อเข้าสู่ปี 2019 พบว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจลดลงรวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยเฉพาะในยุโรป ซึ่งประเทศเยอรมนีมีการชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่เด่นชัด รวมถึงออสเตรเลีย ในทางกลับกัน สหรัฐอเมริกา และจีน มีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เป็นไปตามการประเมิน และคาดว่าจะดีขึ้นตามลำดับในปีถัดไป

อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะถดถอยยังคงมีอยู่ทั่วโลก เนื่องจากการลดลงของส่วนต่างของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวกับระยะสั้น (Term Premium) และอัตราการว่างงานที่ลดลง แสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ที่เงินจะเฟ้อขึ้น และมาตรการคุมเข้มทางการเงินที่ลดลง รวมถึงการขาดดุลของภาคเอกชนในหลายประเทศ

Goldman Sachs คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจอังกฤษจะเริ่มฟื้นตัวหลังมีเสถียรภาพทางการเมือง ส่วนยุโรปจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่องแม้จะไม่มากนัก ในขณะที่ญี่ปุ่นมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการชะลอตัวเนื่องจากการขึ้นภาษีอย่างก้าวกระโดดเมื่อเดือนตุลาคม ส่วนจีน คาดว่าจะมีการเติบโตไม่เกิน 6% และมีแนวโน้มจะชะลอตัวลง

บริษัทแสดงความเห็นว่า นโยบายทางการเงินที่ให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยง โดยให้ความสำคัญกับการเติบโตเป็นรองจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในช่วงต้นปี 2020 อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายได้แสดงความกังวลต่อการเลืองตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่กำลังจะเกิดขึ้น ว่าอาจนำมาซึ่งปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ในอนาคต และแนวโน้มการขึ้นค่าจ้างในหลายประเทศ อาจส่งผลให้ธุรกิจทำกำไรได้ลดลงในช่วงระยะหนึ่งอีกด้วย