เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2020 บริษัทโซนี่ (Sony Corporation) รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2020 ซึ่งมีระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ถึง 30 มิถุนายน โซนี่มีรายได้รวมที่ 1,968,900 ล้านเยน หรือราว 18,516 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อนหน้า ผลจากธุรกิจเกมที่สร้างยอดขายและสามารถทำกำไรได้ ตามด้วยธุรกิจบริการด้านการเงิน ในขณะที่ ธุรกิจอื่น ๆ กลับมีรายได้ถดถอยจากปีก่อนหน้า

Mr. Hiroki Totoki CFO ผู้อำนวยการและรองประธานบริษัทกล่าวในงานแถลงข่าวว่า การระบาดของโควิด เป็นความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นถัดจากความขัดแย้งระหว่างจีนและสหรัฐฯ และปัญหาภัยพิบัติอื่น ๆ ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ กลายเป็นปัจจัยที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงสังคม เศรษฐกิจ และกระทั่งวิถีชีวิตในระยะยาว ซึ่งโซนี่จะปรับเปลี่ยนธุรกิจให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น เพิ่มความสำคัญในธุรกิจหมวดหมู่อื่น ๆ ตามคำกล่าวว่า

“ผู้อยู่รอดไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งที่สุด แต่เป็นผู้ที่ปรับตัวได้ดีที่สุด”

ด้วยเหตุนี้เอง ปีงบประมาณ 2020 จึงเป็นปีที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับบริษัทที่ต้องฟื้นตัวจากวิกฤตโควิด และใช้ปีนี้เป็นการเตรียมความพร้อม เพื่อรอรับสิ่งที่จะตามมาในอนาคต 
โดยในไตรมาสที่ผ่านมา ธุรกิจที่ทำรายได้สูงสุดให้โซนี่ คือ “ธุรกิจเกม” ซึ่งมีรายได้รวม 606,100 ล้านเยน และรายได้จากการดำเนินงาน 124,000 ล้านเยน จึงเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตสูงสุดของโซนี่ ตามด้วยธุรกิจบริการด้านการเงิน 

สำหรับธุรกิจอื่น ๆ ของโซนี่กลับมีรายได้ถดถอยลง โดยเฉพาะธุรกิจไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งแม้จะทำรายได้รวม 331,800 ล้านเยน แต่ยังเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าปีก่อนหน้าถึง 151,200 ล้านเยนด้วยกัน โดยมีผลิตภัณฑ์ที่รายได้ลดลงอย่างชัดเจน คือ กล้องดิจิทัล, โทรทัศน์, เครื่องเสียง, และเครื่องเล่นภาพยนตร์ และแม้ว่าจะพยายามลดค่าใช้จ่าย แต่ก็ยังไม่ประสบผลสำเร็จในการทำกำไร ซึ่งทางโซนี่มีแผนลดต้นทุนผ่านการปรับเปลี่ยนแนวทางการดำเนินงาน อย่างไรก็ตาม เซกเมนต์อุปกรณ์พกพายังคงแนวโน้มเติบโตสูง จึงช่วยประคับประคองกลุ่มธุรกิจนี้ได้ โดยคาดการณ์ว่าจะรายได้รวมของธุรกิจไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์จะลดลงเพียง 6% เท่านั้น

ภายในวันเดียวกันนี้เอง โซนี่ได้ประกาศตัวเลขประมาณการปีงบประมาณ 2020 ซึ่งถูกเลื่อนมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม โดยคาดการณ์ว่า จะทำรายได้รวมอยู่ที่ 8,300,000 ล้านเยน หรือราว 78,153 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณก่อน 40,100 ล้านเยน ซึ่งเป็นการเติบโตไม่ถึง 1%  และรายได้จากการดำเนินงาน 620,000 ล้านเยน หรือราว 5,838 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงถึง 27% ด้วยกัน โดยคาดการณ์ว่า ธุรกิจที่จะสามารถทำกำไรได้มีเพียงธุรกิจเกมและธุรกิจบริการด้านการเงินเท่านั้น 

ในปีงบประมาณ 2021 ซึ่งจะเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2021 Sony จะเน้นไปที่การลงทุนให้สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วต่อความเปลี่ยนแปลงของตลาด โดยเฉพาะในหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์อุปกรณ์มือถือ และเซนเซอร์ พร้อมกับปรับลดการลงทุนด้านการผลิตลง เนื่องจากปัจจุบันมีสินค้าค้างสต็อกที่สามารถวางขายได้ รวมถึงสินค้าที่จะผลิตเกินจากความต้องการในปีงบประมาณนี้ สำหรับการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ยังเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งโซนี่จะไม่ลดงบประมาณด้านนี้ และคาดว่าจะสามารถกลับมาทำกำไรได้ตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปีงบประมาณ 2021 เป็นต้นไป