4 ทศวรรษ ‘ไทยสากล กรุ๊ป’ ก้าวสู่ Manufacturing Transformation
การเดินทาง 4 ทศวรรษของ ‘ไทยสากล กรุ๊ป’ ผู้อยู่เบื้องหลังเทคโนโลยี ‘การตัด’ กระบวนการพื้นฐานที่แทรกซึมอยู่ในเกือบทุกอุตสาหกรรม กำลังเร่งขยับสู่ ‘Manufacturing Transformation’ เปิดพอร์ตโฟลิโอใหม่ตอบโจทย์อนาคตภาคการผลิต
นายปณิธาน กอบกุลสุวรรณ ผู้อำนวยการ บริษัท ไทยสากล กรุ๊ป จำกัด (Thaisakol Group) กลุ่มบริษัทที่เชี่ยวชาญการตัดแบบครบวงจร ก่อกำเนิดในยุคบุกเบิกอุตสาหกรรมไทยเมื่อปี 1975 ได้เปิดใจให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวอุตสาหกรรม M Report ติดตามในบทความนี้
ไม่ใช่แค่ Cutting Specialist แต่เป็น Manufacturing Transformation
“การตัด” กระบวนการพื้นฐานที่แทรกซึมอยู่ในเกือบทุกอุตสาหกรรม อาทิ งานไม้ โลหะ กระดาษ เยื่อกระดาษ พลาสติก ยาง ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ไปจนถึงเครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ ซึ่งครอบคลุมกว่า 40 ประเภทธุรกิจ
นายปณิธาน เล่าว่า บริษัทเพิ่งฉลองครบรอบ 47 ปีไปเมื่อวันที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยไทยสากล กรุ๊ป ดำเนินธุรกิจแบบครบวงจรด้านเทคโนโลยีการตัด ผ่าน 4 บริษัทในเครือ ได้แก่
- ไทยสากล กรุ๊ป ตัวแทนนำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องจักรแบรนด์ชั้นนำระดับโลก เครื่องมือตัดเฉือน (Cutting Tools) อาทิ ใบเลื่อยวงเดือน ใบมีด ใบเลื่อยสายพาน และผลิตภัณฑ์อื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งอยู่ในกลุ่ม Substractive Manufacturing (SM) หรือการผลิตชิ้นงานด้วยการนำเนื้อวัสดุออก สู่การขยับขยายพอร์ตโฟลิโอไปยังกลุ่ม Additive Manufacturing (AM) ซึ่งเป็นการผลิตชิ้นงานด้วยการเติมเนื้อวัสดุ หรือรู้จักกันดีในชื่อ 3D Printing
- ไทยสากล บี แอนด์ บี ผลิตและแปรรูปใบมีดอุตสาหกรรมด้วยเทคโนโลยีจากญี่ปุ่น 100% ตอบรับความต้องการของภาคอุตสาหกรรมในประเทศ ภายใต้แบรนด์หลัก KANEFUSA และแบรนด์อื่น ๆ รองรับตลาด OEM
- ไทยสากล เซอร์วิส เซ็นเตอร์ บริการลับคมและงานซ่อมคุณภาพสูงสำหรับใบมีด ใบเลื่อย และเครื่องมือตัดเฉือนทุกชนิด
- ไทยสากล แมชินเนอรี่ บริการงานซ่อมบำรุงเครื่องจักรแบบครบวงจร และเป็นที่ตั้งของศูนย์นวัตกรรมส่งเสริมไอเดียการผลิต ไทยสากล (THINK)
ปัจจุบัน ไทยสากลมีผลิตภัณฑ์มากกว่า 20 แบรนด์ ซึ่งล้วนแต่เป็นแบรนด์ชั้นนำระดับโลก เช่น EVERRISING, KANEFUSA, STARK, WIKUS, SOCO, JIH-I, DESKTOP METAL เป็นต้น
สำหรับเครื่องจักรแบรนด์หลักที่ไทยสากลนำเข้ามาทำตลาดและเติบโตมาพร้อมกับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยคือ EVERISING เครื่องเลื่อยจากไต้หวัน แบรนด์ชั้นนำระดับ Top 3 ของโลก โดยเป็นเครื่องตัดใบเลื่อยวงเดือนและเครื่องตัดใบเลื่อยสายพาน มีทุกขนาดสำหรับทุกอุตสาหกรรม สามารถตัดงานโลหะได้ทุกเกรด เช่น เหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดง และสามารถตัดได้ในทุกรูปแบบ ทั้งเพลาตัน งานท่อกลมและท่อเหลี่ยม
ด้วยธุรกิจที่ครอบคลุมเทคโนโลยีการตัดครบวงจร ทั้งเครื่องจักรซึ่งเป็นสินค้าที่เติบโตได้ดีในช่วงเศรษฐกิจขยายตัว ในขณะที่เครื่องมือตัดอย่างใบมีดนั้นเป็นสินค้าสิ้นเปลืองที่มีการใช้งานต่อเนื่องในทุกสภาพเศรษฐกิจ นี่จึงเป็นส่วนผสมที่ลงตัวในการวางพอร์ตโฟลิโอของบริษัท ทำให้แม้ในช่วงวิกฤตซึ่งบริษัทได้ผ่านสถานการณ์เหล่านี้มาหลายต่อหลายครั้ง รวมถึงการระบาดของโควิดในช่วงสองปีที่ผ่านมา ไทยสากลยังดำเนินธุรกิจได้อย่างแข็งแกร่ง
นอกจากนี้ การดำเนินธุรกิจแบบครบวงจรยังทำให้ไทยสากลมีลูกค้าในหลากหลายอุตสาหกรรม และมีโอกาสให้บริการลูกค้าอย่างใกล้ชิด จึงรับรู้ถึงสภาพตลาดได้ทั่วถึงและรวดเร็ว เป็นแต้มต่อให้ไทยสากลมีความยืดหยุ่นสูง สามารถคว้าโอกาสใหม่และปรับตัวรับสถานการณ์ได้ดีอีกด้วย
เทคโนโลยีจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลก
นายปณิธาน เปิดเผยว่า หนึ่งในจุดแข็งของไทยสากลมาจากการคัดสรรผลิตภัณฑ์ที่เป็นแบรนด์ชั้นนำระดับโลกเข้ามาทำตลาด ซึ่งนอกจากเทคโนโลยีที่ทันสมัยและคุณภาพที่มั่นใจได้แล้ว ยังทำให้ไทยสากลสามารถส่งผ่านองค์ความรู้และเทคโนโลยีสมัยใหม่ให้แก่ลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว และก้าวทันเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ทำให้เห็นเทรนด์การผลิตในอนาคต ซึ่งอาจจะเป็นโอกาสในการขยับขยายธุรกิจต่อไป
ด้วยแนวทางเช่นนี้ ในปี 2017 บริษัทฯ จึงเริ่มขยับขยายพอร์ตโฟลิโอไปยังกลุ่ม Additive Manufacturing (AM) ซึ่งเป็นการผลิตชิ้นงานด้วยการเติมเนื้อวัสดุ หรือที่เรียกกันว่า 3D Printing ที่กำลังจะเปลี่ยนโฉมกระบวนการผลิตในปัจจุบันที่เราคุ้นเคยไปอย่างสิ้นเชิง
3D Prining จะเป็นเทคโนโลยีที่สร้างความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ในการผลิต ซึ่งไม่เคยทำได้ด้วยวิธีการผลิตแบบดั้งเดิม และด้วยการผสมผสานระหว่างกระบวนการผลิตแบบ SM และ AM จะช่วยให้มีโซลูชันการผลิตที่สร้างนวัตกรรมจากจินตนาการในการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เปลี่ยนไปจากเดิมได้
นายปณิธาน กล่าวว่า ปัจจุบันผู้ผลิตไทยโดยส่วนใหญ่ยังเป็นเพียงมือปืนรับจ้าง ทำ OEM เป็นหลัก ซึ่งท้ายสุดก็แข่งขันกันในเรื่องราคา ต้องลดต้นทุนทุกปี ในขณะที่ราคาขายสินค้าเพิ่มขึ้น ซึ่งเทคโนโลยีใหม่ ๆ จะทำให้ไทยสามารถสร้างผลิตภัณฑ์นวัตกรรมและเป็นเจ้าของแบรนด์ได้ ยกตัวอย่างเช่น รถบัสอะลูมิเนียมของบริษัท สกุลฎ์ซี อินโนเวชั่น ซึ่งเป็นลูกค้าของไทยสากลเช่นกัน โดยบริษัทฯ เป็นหนึ่งในซัพพลายเออร์ที่ให้การสนับสนุนเทคโนโลยีด้าน 3D Printing
เทคโนโลยี Metal 3D Printer อาจเป็นเรื่องใหม่สำหรับบ้านเรา แต่ในความจริงนั้นมีมานานแล้ว ถึงแม้จะเป็นเทคโนโลยีที่มีข้อดีหลายด้าน แต่ก็ยังไม่เป็นที่แพร่หลายในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีที่มีราคาแพง และใช้เวลามากในการผลิตชิ้นงานแต่ละชิ้น จึงไม่ตอบโจทย์การนำมาใช้ในภาคการผลิต
โดยไทยสากล กรุ๊ป นับเป็นรายแรก ๆ ที่นำ Metal 3D Printer ระดับอุตสาหกรรม เข้ามาเปิดตลาดในไทย จนปัจจุบัน เทคโนโลยี 3D Printing ที่ไทยสากล กรุ๊ป นำเข้ามาจำหน่ายเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่มีความเร็วและต้นทุนในการผลิตอยู่ในจุดที่สามารถนำมาใช้ในภาคการผลิตได้จริง ทำให้มีผู้สนใจจำนวนมาก
ข้อดีที่สุดของ 3D Printing คือ ความสามารถในการพาผู้ประกอบการคิดนอกกรอบได้ ทำให้สามารถเปลี่ยนไอเดียสู่การสร้างผลิตภัณฑ์ได้จริง ซึ่งไอเดียเหล่านี้อาจไม่เคยได้ไปต่อเพราะมีข้อจำกัดในการผลิต แต่ข้อจำกัดเหล่านี้ถูกทลายลงด้วยวิธีการเติมเนื้อวัสดุผ่านการพิมพ์ 3 มิติ หรือ 3D Prining แทนที่การผลิตแบบดั้งเดิมที่มีกระบวนการเยอะ และใช้เวลามาก หรือไม่มีแม้กระทั่งวิธีการที่จะสามารถผลิตออกมาได้
ด้วยความสามารถของ 3D Printing ทำให้เป็นโซลูชันที่ตอบโจทย์การผลิตสินค้าที่มีความซับซ้อน โดยกลุ่มอุตสาหกรรมแรก ๆ ที่ใช้เทคโนโลยี 3D Printing ก็คืออุตสาหกรรมอากาศยานและอุตสาหกรรมการแพทย์ เช่น การทำ Turbine blade ในเครื่องยนต์ของเครื่องบิน หรือการทำกระดูกเทียม รากเทียม เป็นต้น
ปัจจุบันเทคโนโลยี 3D Printing ได้ถูกนำไปใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรมมากขึ้นเรื่อย ๆ รวมถึงการนำไปใช้งานด้านวิจัยและพัฒนา การออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งร่นระยะเวลาในการสร้างนวัตกรรมใหม่ให้เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ ในช่วงเวลาแห่งการก้าวสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าก็จะเป็นโอกาสดีสำหรับ 3D Printer ที่จะเข้ามาตอบสนองต่อความพยายามลดน้ำหนักยานยนต์ให้เบาลง ทำให้ชิ้นส่วนของรถอีวีแตกต่างไปจากชิ้นส่วนของรถเครื่องยนต์สันดาป ชิ้นส่วนรถอีวีถูกออกแบบให้มีจำนวนชิ้นน้อยลง แต่มีรูปทรงซับซ้อนขึ้น และใช้วัสดุที่มีน้ำหนักเบา
สำหรับผลิตภัณฑ์และบริการภายใต้พอร์ตโฟลิโอกลุ่ม Additive Manufacturing (AM) ของไทยสากล กรุ๊ป ล้วนคัดสรรเทคโนโลยีนวัตกรรมระดับโลกมานำเสนอ ได้แก่
- Desktop Metal เทคโนโลยี 3D Printing ที่ครอบคลุมวัสดุมากกว่า 200 ชนิด ม่ว่าจะเป็นกลุ่มโลหะ (Metal), โพลิเมอร์ (Polymer), อีลาสโตเมอร์ (Elastomer), เซรามิก (Ceramic), วัสดุคอมโพสิต (Composite), และไม้ (Wood)
- BIGREP เครื่องปริ้นโพลิเมอร์ (Polymer) ระบบ FFF (Fused Filament Fabrication) ที่สามารถปริ้นชิ้นงานใหญ่ได้ถึง 1000x1000x1000 มม.
- DLyte เครื่องขัดผิวชิ้นงานแบบแห้งด้วยระบบไฟฟ้า (Dry electropolishing)
- ลูกค้าสามารถเข้ามาสัมผัสเทคโนโลยีทั้งหมดนี้ได้ที่ THINK by THAISAKOL ซึ่งเป็นศูนย์บริการพิมพ์งาน 3 มิติ หรือ 3D LAB ที่จะสร้างแรงบันดาลใจในการเปลี่ยนแปลง ปฏิวัติสู่การผลิตแห่งอนาคต
DESKTOP METAL รุ่น Studio System
Desktop Metal รุ่น Studio System นำความสามารถใหม่ ๆ มาสู่โซลูชันการพิมพ์โลหะ 3 มิติความละเอียดสูง ที่เป็นมิตรกับสำนักงานเป็นรายแรกของโลก เหมาะสำหรับงานผลิตต้นแบบ อุปกรณ์จับยึด ทูลส์ และการผลิตแบบ Low Volume
Studio System รุ่น Original ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ เครื่องพิมพ์ เครื่องล้าง และเครื่องเผา รองรับวัสดุที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเหล็กสเตนเลส, เหล็กอัลลอยต่ำ, ทองแดง, ซูเปอร์อัลลอยที่มีนิกเกิลเป็นส่วนผสมหลัก (Nickel Based Superalloy), และ Tool Steel
รุ่นอัปเดต Studio System 2 ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น ด้วยการผลิตชิ้นงานสามารถทำได้ด้วยเครื่องพิมพ์และเครื่องเผา โดยไม่ต้องมีเครื่องล้างชิ้นงานหลังพิมพ์
DLyte Electropolishing System
อีกเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นั่นคือ DLyte Electropolishing System เครื่องขัดผิวชิ้นงานแบบแห้งด้วยการใช้กระแสไฟฟ้า โดยอิเล็กโตรไลต์จะนำไฟฟ้ากะเทาะยอดผิวงานที่ขรุขระออกทีละน้อย จนได้ผิวงานที่เรียบเงา โดยการขัดลักษณะนี้จะไม่มีการขัดถูบนชิ้นงานจริง (Physical abrasion) ทำให้ไม่เกิดรอยต่างๆและสามารถรักษารูปร่างและรายละเอียดของงานได้ตามเดิมโดยไม่มีการโค้งมน
เครื่องขัดผิวชิ้นงาน DLyte Electropolishing System รองรับการขัดผิวชิ้นงานที่ต้องการรูปทรงแม่นยำ ด้วยกระบวนการขัดผิวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและลดความเสี่ยงจากการใช้สารเคมีอันตราย จึงเหมาะสำหรับการนำไปใช้ในทุกอุตสาหกรรมไม่ว่าจะเป็นทางการแพทย์, จิวเวลรี่และของตกแต่ง, ยานยนต์, อากาศยานและอุตสหากรรมอื่นๆทั่วไป
DLyte Electropolishing System
4 ทศวรรษของ ‘ไทยสากล กรุ๊ป’ กำลังเร่งขยับสู่ ‘Manufacturing Transformation’ ด้วยเทคโนโลยียุคใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และตอบโจทย์อนาคตภาคการผลิตอีกด้วย ติดตามเรื่องราวของ ‘ไทยสากล กรุ๊ป’ ได้ที่ www.thaisakolgroup.com และ www.thaisakolgroup3d.com