“ไอเอสไอดี” รีแบรนด์สู่ “เดนท์สุ โซเคน” ผู้นำนวัตกรรมและโซลูชันที่เชื่อถือได้

อัปเดตล่าสุด 23 เม.ย. 2567
  • Share :
  • 18,184 Reads   

“ไอเอสไอดี” (ISID) รีแบรนด์สู่ “เดนท์สุ โซเคน” (DENTSU SOKEN) พร้อมขับเคลื่อนสู่อนาคตด้วยนวัตกรรมและการบริการที่เหนือชั้น มุ่งมั่นเป็น “โซลูชันพาร์ทเนอร์” ที่ลูกค้าและสังคมไทยไว้วางใจ 

กรุงเทพฯ 20 มี.ค. 2567 - มร.เคนอิจิ คาราซาวะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดนท์สุ โซเคน (ประเทศไทย) จำกัด ในปัจจุบัน หรือ เดิมชื่อ บริษัท ไอเอสไอดี เซ้าท์อีส เอเชีย (ไทยแลนด์) จำกัด ให้สัมภาษณ์พิเศษถึงการตัดสินใจเปลี่ยนชื่อแบรนด์ของบริษัทและทิศทางเชิงกลยุทธ์ของบริษัทในตลาดโซลูชันไอที

โดยระบุว่า บริษัทฯ ได้มีการเปลี่ยนชื่อจากเดิมคือบริษัท ไอเอสไอดี เซ้าท์อีส เอเชีย (ไทยแลนด์) มาเป็นบริษัท เดนท์สุ โซเคน (ประเทศไทย) จำกัด มาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 ซึ่งกลุ่ม "เดนท์สุ" เป็นหนึ่งในบริษัทโฆษณาชั้นนำของโลก และเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย ส่วนคำว่า "โซเคน 総研" เป็นคำย่อเฉพาะที่ใช้ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีความหมายว่า "องค์กรที่ปรึกษา" ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 1975 ในรูปแบบกิจการร่วมค้าระหว่างเดนท์สุ (ปัจจุบันคือเดนท์สุ กรุ๊ป) และ GE (เจนเนอรัล อิเล็กทริค) ของสหรัฐอเมริกา ได้ดำเนินธุรกิจตัวแทนจำหน่ายโซลูชันไอทีมาเป็นระยะเวลากว่า 50 ปี ซึ่งในขณะนั้น บริษัทไม่เพียงแต่ดำเนินธุรกิจด้านการจัดหาเทคโนโลยีและบริการพัฒนาระบบ IT เท่านั้น แต่ยังได้ก่อตั้งบริษัทที่ปรึกษาอีกสองแห่ง เพื่อสนับสนุนลูกค้าในการปรับเปลี่ยนกระบวนการทางธุรกิจและแก้ปัญหาต่าง ๆ อย่างครบวงจร


โดยการเปลี่ยนแปลงของ “เดนท์สุ โซเคน” (Dentsu Soken) จะมาพร้อมกับการควบรวมบริษัทที่ปรึกษาทั้งสองแห่งเข้าด้วยกัน และรับถ่ายโอนหน้าที่ด้านองค์กรที่ปรึกษาภายในกลุ่มเดนท์สุ เพื่อขยายบทบาทหน้าที่ของ "ระบบบูรณาการ" "การให้คำปรึกษา" และ "การเป็นองค์กรที่ปรึกษา" ที่จะไม่เพียงแต่การมุ่งสู่กลุ่มองค์กร หากแต่เรามองไปถึงภาพรวมของ "สังคม" ในเป้าหมายการให้บริการตั้งแต่การกำหนดปัญหาและการกำหนดกลยุทธ์ไปจนถึงการนำเทคโนโลยีมาปฏิบัติ เราจะมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาขั้นสูงและสนับสนุนและผลักดันการพัฒนาสู่สังคมที่ดีขึ้น  ภายใต้การทำงานร่วมกันกับสำนักงานในประเทศญี่ปุ่น และประเทศอื่น ๆ เพื่อมุ่งสู่การเป็น “โซลูชันพาร์ทเนอร์” ที่ลูกค้าและสังคมไทยไว้วางใจ 


“สำหรับการเปลี่ยนชื่อบริษัทในครั้งนี้ เราต้องการก้าวข้ามกรอบที่เราสร้างขึ้น เพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้ให้บริการระบบบูรณาการ ด้วยภาพลักษณ์และการวางตำแหน่งทางการตลาดใหม่ เพื่อให้ได้รับการไว้วางใจจากสังคม ธุรกิจ และผู้บริโภค ซึ่งการบรรลุเป้าหมายนั้นไม่ใช่เรื่องที่ง่าย แต่ภายใต้ความท้าทายนี้ ทั้งผู้บริหารและพนักงานของเราจะร่วมมือกันเปลี่ยนแปลงเพื่อไปสู่ความสำเร็จตามเป้าหมาย” มร.เคนอิจิ คาราซาวะ กล่าว


ภายหลังจากการรีแบรนด์แล้ว บริษัทจะมีการวางกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในตลาดให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งที่ผ่านมา ไอเอสไอดี ประเทศไทย ยังไม่เคยสร้างแบรนด์ในตลาดไทยมาก่อน และยังเป็นที่รู้จักแค่เพียงเฉพาะกลุ่มลูกค้าของบริษัท อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2023 ที่ผ่านมา บริษัทได้เริ่มเผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย เช่น งานสัมมนาออนไลน์และออฟไลน์ รวมถึงเฟซบุ๊กให้มากขึ้น และสม่ำเสมอ ทั้งนี้เพื่อให้ชื่อบริษัทใหม่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น

จุดแข็งที่ “เดนท์สุ โซเคน” แตกต่างจากคู่แข่ง

มร.เคนอิจิ คาราซาวะ มองว่าจุดแข็งที่ “เดนท์สุ โซเคน” ได้เปรียบจากคู่แข่ง ก็คือ ประสบการณ์ที่มีมากว่า 50 ปี ความเชี่ยวชาญทั้ง “การออกแบบและการผลิต” และ “เทคโนโลยีการผลิต” รวมถึงมีความเข้าใจในความต้องการของลูกค้าเป็นอย่างดี ทำให้สามารถพัฒนาและบูรณาการระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ซึ่งปัจจุบันธุรกิจของ“เดนท์สุ โซเคน” คือการสนับสนุนอุตสาหกรรมการผลิต และการสนับสนุนธุรกิจการเงิน ซึ่งทั้งสองกลุ่มธุรกิจจะมีจุดเด่นที่เฉพาะตัว แต่สำหรับอุตสาหกรรมการผลิตนั้น นอกเหนือจากกลุ่มซอฟต์แวร์ของซีเมนส์ Siemens ที่มีจุดแข็งในเรื่องของซอฟท์แวร์ CAD/CAM/CAE ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล และมีประสบการณ์ในการให้คำปรึกษาการใช้งานมายาวนานแล้ว “เดนท์สุ โซเคน” ยังได้พัฒนาซอฟต์แวร์ที่ใช้งานได้กับกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำทั้งหลายของญี่ปุ่นอีกด้วย นอกจากนี้ ยังเริ่มแนะนำเครื่องมือสนับสนุนการบริหารโครงการและ MBD (iQUAVIS) ในตลาดไทย ซึ่งได้นำมาใช้อย่างแพร่หลายโดยบริษัทในยุโรป และได้รับการแนะนำให้ใช้ต่อโดยบริษัทยุโรปเช่นกัน

จุดแข็งที่สำคัญของเราคือ ประสบการณ์ 50 ปีในการออกแบบและพัฒนาในอุตสาหกรรมการผลิตในญี่ปุ่น และ 20 ปีในประเทศไทย การใช้ข้อมูลร่วมกันอย่างเป็นหนึ่งเดียว ตั้งแต่การพัฒนาจนถึงการผลิต การให้บริการของเราที่สามารถอ้างอิงได้ตั้งแต่ในอดีต และความรู้ในด้านการปฏิวัติโรงงานดิจิทัล (Digital Transformation) เพื่อก้าวสู่การเป็นโรงงานอัจฉริยะ เราเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการไม่กี่รายที่ครอบคลุมทั้งสองด้าน คือ “การออกแบบและการพัฒนา” และ “เทคโนโลยีการผลิต/อุตสาหกรรมการผลิต” มร.เคนอิจิ กล่าวย้ำ

นอกจากนี้ เรามีความสามารถในการบูรณาการระบบ เช่น การพัฒนาแอปพลิเคชันมือถือ ที่เรามีประสบการณ์ในการพัฒนาและดูแลระบบเทเลเมติกส์สำหรับยานยนต์ และแพคเกจหลัก Core Package สำหรับบริษัทลีสซิ่ง (Lamp) ที่เราพัฒนาขึ้นเองสำหรับธุรกิจการเงินโดยเฉพาะนั้น เป็นระบบที่ไดรับความนิยมสูงสุดในกลุ่มบริษัทลีสซิ่ง ซึ่งเรามีส่วนแบ่งตลาดอันดับหนึ่งในญี่ปุ่น

กลยุทธ์ครองตำแหน่งเป็นบริษัทอันดับหนึ่ง

มร.เคนอิจิ คาราซาวะ กล่าวว่า ฐานลูกค้าของบริษัทที่มีต่อเนื่องมายาวนาน ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มบริษัทผู้ผลิตญี่ปุ่น เช่น บริษัทผลิตรถยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงสถาบันการเงินอย่างธนาคารและบริษัทลีสซิ่ง ดังนั้นกลยุทธ์ที่บริษัทใช้ในการรักษาฐานของลูกค้าก็คือ การพัฒนากลยุทธ์เฉพาะสำหรับลูกค้าแต่ละรายผ่านความร่วมมือกับสำนักงานใหญ่ โดยมุ่งเน้นการสร้างความสัมพันธ์แบบ win-win-win นำเสนอโซลูชันที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ร่วมกับพาร์ทเนอร์ชั้นนำ นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการลงทุนในทรัพยากรบุคคลของบริษัท เพื่อพัฒนาทักษะและความสามารถของบุคลากรที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า

การพัฒนาทักษะและความสามารถของบุคลากรที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า หนึ่งในหัวใจสำคัญของ “เดนท์สุ โซเคน”

นอกจากนี้ บริษัทร่วมมือกับซีเมนส์ (Siemens)ซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์ของบริษัทในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่อรองรับการปฏิวัติโรงงานดิจิทัล ซึ่งมีความต้องการสูงมากในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเชื่อมต่อการวางแผนการผลิต (Opcenter APS - Advanced Planning and Scheduling) ที่พัฒนาโดย Siemens เข้ากับระบบของ SAP ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก  นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาแดชบอร์ดและเครื่องมือ BI เช่น Motion Board มาใช้ในการติดตามสถานะการผลิต ซึ่งช่วยประหยัดทรัพยากรบุคคลและเวลาได้เป็นอย่างมาก ทั้งยังช่วยสนับสนุนการตัดสินใจและการจัดการงบประมาณของผู้บริหารได้รวดเร็วขึ้น ผ่านการแสดงแผนภาพที่ได้รับการปรับให้เข้ากับความต้องการเฉพาะของแต่ละบริษัท 


และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว ในปีที่ผ่านมา บริษัทจึงได้เริ่มใช้ LCP (Low Code Platform) Mendix ซึ่งเป็นระบบที่ได้รับการพิสูจน์แล้วในตลาดไทย โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมการผลิต โดย Mendix เป็นแพลตฟอร์มที่ทำให้เกิดการปฏิวัติดิจิทัลในอุตสาหกรรมการผลิต และบรรลุประสิทธิภาพโดยการลดขั้นตอนการพัฒนาแอปพลิเคชันภายในและภายนอกให้เหลือน้อยกว่า 1 ใน 10


นอกจากนี้ บริษัทกำลังขยายธุรกิจในฐานะตัวแทนจำหน่ายรายใหญ่ที่สุดในไทย โดยการนำเสนอโซลูชันไร้กระดาษ (i-Reporter) ที่พัฒนาโดย CIMTOPS ของญี่ปุ่น รวมถึงยังวางแผนที่จะลงทุนในทรัพยากรบุคคลอย่างจริงจัง และหาโอกาสร่วมมือทางธุรกิจกับบริษัทพาร์ทเนอร์ในสาขา PLM (Product Lifecycle Management) และ MES (Manufacturing Execution System) ซึ่งกำลังได้รับความนิยมในการนำมาใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตของไทย

รักษาความยืดหยุ่นและนวัตกรรมของบริษัทเพื่อให้โดดเด่นอย่างต่อเนื่อง

มร.เคนอิจิ กล่าวว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีใหม่ๆ ถูกสร้างขึ้นอย่างต่อเนื่องในตลาดไอที ความก้าวหน้าของ AI ทำให้ขอบเขตการประยุกต์ใช้งานขยายตัวอย่างมาก ดังนั้น เพื่อให้สามารถปรับตัวและสร้างนวัตกรรมใหม่ได้ในตลาดไอทีนี้ บริษัทจำเป็นต้องมีการพัฒนาทักษะและความสามารถของบุคลากรให้ทันต่อเทคโนโลยีใหม่ ๆ ตลอดเวลา รวมถึงมุ่งมั่นในการสร้างและพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอยู่เสมอ


“เนื่องจากเรามีพนักงานไม่มากนัก เราจึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะและความสามารถของพนักงานแต่ละคน และเรามุ่งลงทุนในทรัพยากรบุคคลเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ เพื่อให้ทันต่อเทคโนโลยีล่าสุด วิธีคิดและพฤติกรรมของพนักงานจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เข้าใจและปรับตัวต่อความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และสามารถนำข้อเสนอที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง เราได้นำแนวทางการดำเนินการโดยรวมของกลุ่มเดนท์สุ โซเคน คือ “AHEAD” และแนวคิดสำคัญของเรา “Challenge for the change” มาใช้ในประเทศไทย” มร.เคนอิจิ กล่าว

รางวัล Partner Award ในตลาดเอเชียแปซิฟิก 2 ปีซ้อน จาก Siemens

นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับการการันตีจาก Siemens ซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์รายใหญ่ที่สุดของบริษัด้วยรางวัล Partner Award ในตลาดเอเชียแปซิฟิก 2 ปีซ้อน รวมถึงสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นของฐานลูกค้าในประเทศไทยทั้งรายเล็กและรายใหญ่ 


“เดนท์สุ โซเคน” มุ่งมั่นนำเสนอโซลูชั่นและการบริการที่เหนือชั้น มู่งสู่การเป็น “โซลูชันพาร์ทเนอร์” ที่ลูกค้าและสังคมไทยไว้วางใจ พร้อมสนับสนุนธุรกิจและสังคมไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน มร.เคนอิจิ กล่าวทิ้งท้าย

#DentsuSoken #SiemesPartnerSolution #FactoryDX #DX #ManufacturingIT #FinancialIT #Mreport #ข่าวอุตสาหกรรม