Samsung รับอานิสงค์โควิด WFH หนุน Memory Chips ทำกำไรโต 26% ใน Q2 2020
ซัมซุง (Samsung Electronics) รายงาน ผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2020 (Q2/2020) รายได้รวมปิดที่ 52.97 ล้านล้านวอน หรือราว 44,370 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากไตรมาสที่แล้ว 4% แต่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 6% และทำกำไรเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 26% และเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 23% ซึ่งเป็นผลจากความต้องการชิปหน่วยความจำ (Memory Chips), เครื่องใช้ไฟฟ้า, และจอภาพ
โดยซัมซุงรายงานว่า ความต้องการทั่วโลกเริ่มฟื้นตัวในเดือนพฤษภาคม ส่งผลให้ยอดขายดีกว่าที่คาดการณ์ไว้เป็นอย่างมาก ซึ่งสามารถชดเชยกับสัดส่วนยอดขายสมาร์ทโฟน และอุปกรณ์อื่น ๆ ที่ลดลงได้เป็นอย่างดี โดยความต้องการชิปหน่วยความจำในไตรมาสนี้ มาจากกลุ่มผู้ใช้คอมพิวเตอร์ และ Data Center เป็นหลัก รวมไปถึงธุรกิจรับจ้างผลิตที่เริ่มปรากฎแนวโน้มฟื้นตัวตามความต้องการของลูกค้า
l ชิปหน่วยความจำ
ในไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมา ชิปหน่วยความจำสร้างรายได้ 18.23 ล้านล้านวอน หรือราว 15,240 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเติบโตอย่างมั่นคงจากความต้องการ Work Form Home และห้องเรียนออนไลน์จากโควิด ที่กระตุ้นให้ปริมาณการใช้ข้อมูลบนระบบคลาวด์เพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะ DRAM ซึ่งเป็นที่ต้องการในกลุ่มธุรกิจ Data Center
ในอีกด้านหนึ่ง ยอดขายสมาร์ทโฟนที่ลดลงทั่วโลก ทำให้หน่วยความจำสำหรับสมาร์ทโฟนมียอดขายลดลงตามไปด้วย โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา และอินเดีย
ส่วนยอดขายผลิตภัณฑ์ NAND ไม่ดีนักหากเทียบกับหน่วยความจำชนิดอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม ความต้องการสำหรับ SSD ใน Data Center ของสหรัฐฯ และจีนสูงขึ้นจากมาตรการล็อคดาวน์ รวมถึงความต้องการจากผู้ผลิตโน๊ตบุ๊คราคาต่ำ
l จอภาพ
ผลิตภัณฑ์จอภาพสร้างรายได้ 6.72 ล้านล้านวอน โดยมีจอภาพพกพา และจอภาพสำหรับสมาร์ทโฟนที่ทำยอดขายลดลงเป็นอย่างมาก ในขณะที่จอภาพขนาดใหญ่มีรายได้ที่เพิ่มขึ้น แต่รายได้จากการดำเนินงานลดลงเล็กน้อย
l สมาร์ทโฟน อุปกรณ์พกพา และผลิตภัณฑ์ IT
ซัมซุงทำรายได้จากผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟน อุปกรณ์พกพา และผลิตภัณฑ์ 20.75 ล้านล้านวอน ซึ่งลดลงจากไตรมาสที่แล้วเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอเมริกาเหนือ และยุโรป อย่างไรก็ตาม การลดต้นทุน และค่าใช้จ่ายด้านการตลาดทำให้ธุรกิจในหมวดหมู่นี้ยังคงทำกำไรได้อยู่ และคาดว่าจะดีขึ้นอีกในไตรมาสถัดไป
l เครื่องใช้ไฟฟ้า
รายได้รวมปิดที่ 10.17 ล้านล้านวอน ซึ่งเป็นผลจากการปรับแนวทางของซัมซุงที่เน้นออกผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้คนในช่วงมาตรการล็อคดาวน์ โดยเฉพาะโทรทัศน์, เครื่องปรับอากาศ, เครื่องอบผ้า, และตู้เย็น อย่างไรก็ตาม อัตราการจ้างงานที่ลดลงทั่วโลกจะกลายเป็นปัจจัยเสี่ยงในช่วงครึ่งปีให้หลัง
l ครึ่งปีหลังเป็นอย่างไร?
ซัมซุงคาดการณ์ว่าในช่วงครึ่งหลังของปี 2020 ตลาดสมาร์ทโฟน และเครื่องใช้ไฟฟ้าจะดีกว่าในครึ่งปีแรก แต่ยังต้องเฝ้าระวังปัจจัยเสี่ยงจากโควิด และการแข่งขันในตลาดที่สูงขึ้น โดยในไตรมาสที่ 3 จะยังฟื้นตัวไม่มากนัก และจะมีความต้องการสมาร์ทโฟนราคาต่ำ จนถึงราคาปานกลางเป็นหลัก ซึ่งซัมซุงมีแผนเปิดตัว Galaxy Note และสมาร์ทโฟนพับได้โมเดลใหม่ด้วยราคาปานกลางในช่วงครึ่งปีหลังนี้ แต่เชื่อว่า การแข่งขันในตลาดจะรุนแรงขึ้นเช่นเดียวกัน
ส่วนธุรกิจชิปหน่วยความจำ คาดการณ์ว่าจะมีการฟื้นตัวมากขึ้นโดยมีปัจจัยมาจากความต้องการหน่วยความจำสำหรับสมาร์ทโฟน และเครื่องเล่นเกม ส่งผลให้บริษัทตัดสินใจลงทุนในธุรกิจนี้เพิ่มขึ้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายกว่าเดิม ส่วนในธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ Samsung จะมุ่งไปที่การส่งเสริมการขายผลิตภัณฑ์ด้าน 5G และเซนเซอร์ความละเอียดสูงเป็นหลัก
นอกจากนี้ยังคาดการณ์เพิ่มว่า การฟื้นตัวของสมาร์ทโฟน จะนำมาซึ่งความต้องการจอภาพที่มากขึ้นในไตรมาสที่ 4 ส่วนในธุรกิจจอภาพขนาดใหญ่ บริษัทจะเดินหน้าพัฒนาจอภาพ Quantum-Dot (QD) ตามกำหนดการเดิม รวมถึงเล็งทำกำไรจากผลิตภัณฑ์ราคาสูง เช่น โทรทัศน์ QLED, เครื่องใช้ไฟฟ้าในซีรี่ย์ Bespoke, เครื่องเสียง, และชิ้นส่วนยานยนต์อีกด้วย
อ่านต่อ