อนาคตของ Nidec กับอุตสาหกรรมยานยนต์

อัปเดตล่าสุด 16 ก.พ. 2561
  • Share :

โลกอุตสาหกรรมกำลังให้ความสนใจกับผู้ที่จะก้าวขึ้นมาแทน Mr. Shigenobu Nagamori CEO ของ Nidec ว่าจะเป็นคนแบบไหน สุดท้ายผลก็ออกมาที่รองประธาน Mr. Hiroyuki Yoshimoto ผู้เคยฝากผลงานไว้กับ Calsonic Kansei และ Nissan ที่เป็นผู้ถูกเลือก และสำหรับอนาคตของ Nidec นั้น คุณ Nagamori และคุณ Yoshimoto จะเปิดเผยในการให้สัมภาษณ์ในครั้งนี้

เร่งกลยุทธ์สู่ยอดขาย 10 ล้านล้านเยน

ประธาน Nagamori กล่าวถึงเหตุผลที่เลือกคุณ Yoshimoto ไว้ว่า “หากมองในแง่ทักษะการบริหารแล้ว ให้ดูจากการฟื้นฟูบริษัทที่ย่ำแย่ให้กลับมาดีได้ก็จะเข้าใจได้เอง” โดยคุณ Yoshimoto ได้เข้าทำงานกับ Nidec ตั้งแต่ปี 2015 ซึ่งในช่วงแรกรับตำแหน่งเป็นประธานของ Nidec Tosok ก่อนจะมีบทบาทในการช่วยส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และอื่น ๆ และกล่าวถึงคุณ Yoshimoto ที่อายุน้อยกว่าตนราว 20 ปีว่า “หากเทียบกันแล้ว เขาดูจะทำงานได้ดีกว่าผมตอนอายุเท่าเขาอีก”

Mr. Yoshimoto ได้กล่าวถึงคติประจำใจ “ทำทันที ทำแน่นอน และทำเท่าที่สามารถทำได้” ที่ประธาน Nagamori ปลูกฝังกับฝ่ายบริหารบริษัท Nidec และ Mr. Yoshimoto ได้กล่าวต่ออีกว่า “ตนถูกดึงดูดโดยปรัชญาการบริหารของท่านประธาน Nagamori มันเหมือนพวกเราจูนคลื่นตรงกัน”

หนึ่งคีย์เวิร์ดที่บ่งบอกถึงการบริหารของประธาน Nagamori ได้ คือคำว่า “Micromanagement” หรือก็คือ เพิ่มศักยภาพในการผลิตถึงขีดสุดด้วยการควบคุมและสั่งการลูกน้องอย่างละเอียดรอบคอบ และเป็นวิธีการที่ส่งผลให้ Nidec เติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก โดยตัว Mr. Yoshimoto เองก็ได้นำหลักการนี้ไปใช้เมื่อตอนเป็นประธานของ Nidec Tosok และช่วงที่รับผิดชอบธุรกิจด้านผลิตภัณฑ์กลุ่มยานยนต์ จึงกล่าวได้ว่า การที่ Mr. Yoshimoto สามารถนำหลักการบริหารนี้ไปใช้งานจริงเป็นสิ่งที่ทำให้ประธาน Nagamori ตัดสินใจเลือกให้เขาขึ้นมารับตำแหน่งถัดจากตน

 

ในช่วงปี 1990 Nidec เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากธุรกิจ Precision Motor ขนาดเล็กสำหรับคอมพิวเตอร์ และเติบโตอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นจากกระแสของอุตสาหกรรมยานยนต์ในปัจจุบัน รวมถึงความแพร่หลายของรถยนต์ไฟฟ้า (Electrice Vehicles: EV) ที่ส่งผลให้ทางบริษัทเสริมกำลังผลิตผลิตภัณฑ์ประเภท Traction motor และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ รวมถึงร่วมมือกับ Groupe PSA ผู้ผลิตยานยนต์สัญชาติฝรั่งเศสในการพัฒนามอเตอร์สำหรับรถ EV ซึ่งทั้งหมดนี้คือเหตุผลที่ทำให้ทักษะการบริหารของ Mr. Yoshimoto ผู้ฝากผลงานไว้กับ Calsonic Kansei และ Nissan ได้รับการจับตามอง โดย Mr. Yoshimoto ได้กล่าวถึงโรดแมปว่า “ไม่เพียงแต่รถ EV เท่านั้น แต่เราจะมุ่งเสริมธุรกิจในอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และโดรนไปด้วยกัน” เพื่อให้สำเร็จเป้าหมายยอดขาย 10 ล้านล้านเยนในปี 2030

อย่างไรก็ตาม Nidec เป็นบริษัทที่เรียกได้ว่าอยู่ภายใต้การนำของประธาน Nagamori อย่างแท้จริง หลายครั้งก็มีพนักงานลาออกจากบริษัทเนื่องจากมองว่าผู้ที่จะขึ้นมาแทนประธาน Nagamori นั้นไม่อาจทำงานได้ดีตามที่คาดหวัง ซึ่งทำให้เกิดความกระอักกระอ่วนจากการบริหารโดยคนเพียงส่วนน้อย และเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงให้กลายเป็นการบริหารโดยระบบกลุ่ม ซึ่งประธาน Nagamori ได้แสดงความเห็นว่า “อัตราส่วนการบริหารคงต้องเริ่มกันที่แบบ 7 ต่อ 3 แล้วใช้เวลาเพื่อให้ระบบกลุ่มขึ้นมาบริหารเป็นหลักได้” ทำให้มีประเด็นว่า Nidec ในยุคหลังเปลี่ยนผ่านจากประธาน Nagamori จะเป็นเช่นไร จะเติบโตไปในทิศทางไหน ซึ่งก็เป็นการเริ่มต้นความท้าทายครั้งใหม่ให้กับทางบริษัทนี่เอง

ร่วมกันก้าวไปข้างหน้า

บทสนทนาระหว่างประธาน Nagamori และ Mr. Yoshimoto ว่าที่ประธานบริษัทคนถัดไปซึ่งยกมาจากงานแถลงข่าวของบริษัท Nidec

Q: ตัดสินใจเรื่องนี้เมื่อไหร่ครับ

Mr. Nagamori: ผมตัดสินใจไปเมื่อเดือนธันวาคม 2017 ซึ่งตอนที่ตัดสินใจนั้น Mr. Yoshimoto ก็ตกลงทันทีโดยไม่มีท่าทีเกรงใจอะไรเสียจนผมตกใจ ซึ่งก็ตรงกับความต้องการของผมพอดีที่อยากได้ผู้จัดการวัยหนุ่มซึ่งสามารถออกคำสั่งได้แม้แต่กับคนที่อายุมากกว่า

Q: สาเหตุที่เลือก Mr. Yoshimoto

Mr. Nagamori: บริษัทเรามุ่งเน้นไปที่ประสิทธิภาพในการทำงาน ผมจึงตัดสินใจเลือกผู้ที่ขึ้นมาแทนให้มีอายุน้อย และคัดคนที่ทำงานได้ดีกว่าตัวผมเมื่อตอนอายุ 50 ขึ้นมา ซึ่งตัว Mr. Yoshimoto เองนั้นก็มีประสบการณ์การบริหารที่เพียบพร้อมเหมาะสมพอดีเลยครับ

Q: สำหรับคุณที่ถูกเรียกว่าผู้จัดการที่มีเสน่ห์แล้ว การยื่นไม้ต่อแบบนี้ยากไหมครับ

Mr. Nagamori: ผมแก่กว่า Mr. Yoshimoto ประมาณ 2 เท่า ซึ่งแม้จะมีเรื่องขัดแย้งกันบ้างแต่ผมก็เห็นด้วย จึงอยากจะร่วมเดินกับ Mr. Yoshimoto และก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน โดยมอบงาน 30% ของผมให้กับเขา ก่อนจะเพิ่มเป็น 50% ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า

Q: รู้สึกอย่างไรที่ถูกเลือกเป็นประธาน

Mr. Yoshimoto: ถ้าจะพูดว่าไม่กังวลเลยก็คงเป็นการโกหก แต่ก็รู้สึกเป็นเกียรติมากจริง ๆ ครับ ถึงจะรู้สึกกดดัน แต่ก็เป็นโอกาสที่ดีมากเลยครับ

Q: จะจัดการบริหารอย่างไร

Mr. Yoshimoto: แนวทางที่ผ่านมาของ Nidec จะยังคงเดิม พัฒนาคุณประโยชน์เพื่อสังคมต่อไปโดยยึดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่โลกนี้ขาดไปไม่ได้เป็นรากฐาน ตั้งเป้ารายได้ 10 ล้านล้านเยนในปี 2030 และอยากจะสร้างเป็นฐานต่อการก้าวสู้บริษัทที่อายุเกิน 100 ปีครับ

Q: รูปแบบธุรกิจที่คาดหวัง

Mr. Yoshimoto: ก็อยากให้บริษัทนี้มีคุณภาพในระดับโลก ซึ่งหลังจากนี้บริษัทระดับโลกก็คงมีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตาม ผมอยากจะทำให้เป็นบริษัทที่มีคุณภาพมากกว่านั้น อยากให้เป็นธุรกิจที่ได้รับความเคารพจากคนทั้งโลก