ฟังกลยุทธ์จาก ROHM
คุณซาโตชิ ซาวามุระ (Mr. Satoshi Sawamura) ประธานบริษัท ROHM ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกลยุทธ์ทางธุรกิจ
Q: ได้ยินว่ายอดการสั่งซื้อเพิ่มมากขึ้นใช่ไหมครับ
A: “ใช่ครับ เพราะความเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมยานยนต์ อุปกรณ์การผลิต และเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน ทำให้ความต้องการเซมิคอนดัคเตอร์และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์สูงขึ้นเป็นอย่างมาก ซึ่งในอุตฯ ยานยนต์เองก็มีการเปลี่ยนไปสู่รถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์อัตโนมัติ ส่งผลให้อุปสงค์เพิ่มมากขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน อีกทั้งยังเป็นความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วมากเสียด้วย”
Q: แล้วจะมีเป้าเพิ่มยอดขายของผลิตภัณฑ์สำหรับยานยนต์และเครื่องจักรอุตสาหกรรมในไตรมาสแรกปี 2021 ให้มากขึ้นอีก 50% ด้วยหรือเปล่าครับ
A: “เราคาดว่ายอดปิดท้ายไตรมาสแรกปี 2018 ของบริษัทเราจะสูงขึ้น 44% โดยมีผลิตภัณฑ์สำหรับยานยนต์ที่ทำยอดได้ดีคือ IC สำหรับจอผลึกเหลว (จอ LCD) ระบบ Infotainment ซึ่งรวมข้อมูลและความบันเทิงไว้ด้วยกัน นอกจากนี้ ยังมี IC สำหรับหลอด LED ของไฟหน้า ส่วนผลิตภัณฑ์ประเภทอื่นที่มีปริมาณการเติบโตสูง อย่าง ผลิตภัณฑ์ด้านระบบ Advanced driver assistance systems (ADAS) และด้านระบบส่งกำลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของระบบส่งกำลังที่มี Silicon Carbide (SiC) Power Devices และ Gate drive ไว้ในชุดเดียวกัน อันเป็นจุดแข็งของบริษัทเรา และยังเป็นเทคโนโลยีที่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) กำลังต้องการเพื่อใช้ลดการสูญเสียพลังงานอีกด้วยครับ”
Q: เมื่อเดือนกันยายนปี 2017 ที่ผ่านมา ได้ตั้งศูนย์สนับสนุนเทคโนโลยี Power Device ที่ประเทศเยอรมนี แล้วเป็นอย่างไรบ้างครับ
A: “เดิมทีเราวางระบบในยุโรปเพื่อสนับสนุนในสิ่งที่มีเพียงแต่ญี่ปุ่นเท่านั้นที่ทำได้ (ตั้งแต่ขั้นตอนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ไปจนถึงโปรเจคของลูกค้า) ซึ่งช่วยในการลดระยะเวลาพัฒนาให้สั้นลง และควบคุมการเกิดข้อผิดพลาดได้ ทำให้เรามีอัตราส่วนของลูกค้าจากต่างประเทศอยู่ที่ 40% อย่างไรก็ตาม การก่อตั้งศูนย์สนับสนุนในครั้งนี้นั้น มีสาเหตุจากการที่บริษัทเราต้องการเพิ่มอัตราส่วนนี้ให้ขึ้นไปอยู่ที่ 50% นั่นเอง”
Q: แล้วด้าน SiC Power Devices จะมีแนวทางต่อไปอย่างไรบ้าง
A: “เราตั้งเป้าการลงทุนด้าน SiC ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2018 ไปถึงเดือนมีนาคม 2026 ไว้ที่ 6 หมื่นล้านเยน เพื่อให้ได้กำลังผลิตที่มากกว่าในปัจจุบัน 16 เท่า หากเราไม่เสริมศักยภาพให้กับโรงงาน Pre-processing ในประเทศญี่ปุ่น และโรงงาน Post Processing ในต่างประเทศแล้ว ก็จะไม่อาจซัพพลายผลิตภัณฑ์ได้ทัน อีกทั้งยังได้มีการเริ่มร่วมมือกับ Hitachi Metals ในส่วนของกระบวนการ Abrasive ซึ่งหลังจากนี้ก็คงจะมีการร่วมมือกับบริษัทอื่น ๆ มากยิ่งขึ้น”
Q: แผนการลงทุนเครื่องจักรในไตรมาสแรกปี 2019 เป็นอย่างไรบ้างครับ
A: “เรามีแผนเพิ่มเงินลงทุนให้มากกว่าไตรมาสแรกปี 2018 อีก 1 หมื่นล้านเยนครับ คาดว่ารวมเป็นเงินลงทุนทั้งสิ้น 7 หมื่นล้านเยนด้วยกัน เพื่อเสริมกำลังผลิต LSI และ Power Device รวมถึงการติดตั้งเซ็นเซอร์ที่ผลิตขึ้นเองเข้ากับเครื่องจักรเพื่อเดินหน้าเปลี่ยนโรงงานเราให้เป็น “โรงงานอัจฉริยะ” แจ้งเตือนข้อผิดพลาดของเครื่องจักรล่วงหน้า เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้มากยิ่งขึ้น”
Q: ว่าด้วย “การควบคุณคุณภาพ” ที่กำลังเป็นปัญหาในภาคอุตสาหกรรมล่ะครับ ท่านมีความเห็นอย่างไร
A: “เป้าหมายของบริษัทเราคือ “คุณภาพต้องมาก่อนเป็นอันดับแรก” และปลูกฝังความคิดนี้ให้กับพนักงานทุกคน นอกจากนี้เรายังมีการประสานงานส่วนต่าง ๆ เข้าด้วยกันภายใต้การนำขององค์กรภายใต้ประธานบริษัทโดยตรงครับ ดังนั้นแม้จะเป็นพนักงานเพียงคนเดียว เขาก็ต้องมีความรู้สึกที่จริงจังต่อคุณภาพสินค้าด้วย”