“วอลโว่” ท้ารบตลาดรถหรูทุกมิติมั่นใจ 3 ปีโตเท่าตัว

อัปเดตล่าสุด 14 พ.ย. 2560
  • Share :
  • 466 Reads   

วอลโว่ ปรับใหญ่ เพื่อแข่งขันในทุกมิติ มั่นใจเพิ่มยอดขายโตกว่าเท่าตัวภายใน 3 ปี ชู 3 จุดขาย สแกนดิเนเวียดีไซน์-ปลอดภัย-ความพึงพอใจลูกค้า เชื่อตลาดรถยนต์พรีเมี่ยมยังโตไม่หยุด

นายคริส เวลส์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า วอลโว่อยู่ระหว่างวางแผนงาน และกลยุทธ์รุกตลาดในประเทศไทย ซึ่งตั้งเป้าว่า 3 ปียอดขายจะต้องขยับขึ้นเป็นเท่าตัว โดยจากนี้ไปจะได้เห็นความเข้มข้นในการทำตลาดของวอลโว่อย่างผิดหูผิดตา

“เราพยายามปรับเปลี่ยนแนวคิดและรูปแบบการทำตลาด เริ่มจากประกาศนโยบายสินค้าและราคาขายรถยนต์เป็นราคาเดียวกัน ไม่มีแยกเป็นซีบียู หรือซีเคดี โมเดลไหนก็จะเป็นมาตรฐานราคาเดียว เพื่อสร้างความชัดเจน”

นอกจากนี้ จะเน้นสร้างความแตกต่างด้วย 3 จุดขายหลัก ได้แก่ 1. การออกแบบตามสแกนดิเนเวียดีไซน์ 2. เทคโนโลยีความปลอดภัยที่คู่แข่งเทียบไม่ได้ และ 3. โฟกัสทุกอย่างไปที่ลูกค้าเป็นสำคัญ สร้างความพึงพอใจซึ่งวอลโว่จะใช้ทั้ง 3 ส่วนนี้ขับเคลื่อนสู่เป้าหมาย

“9 เดือนที่ผ่านมา ภาพรวมของตลาดรถยนต์พรีเมี่ยมเติบโต 20-23% หรือมียอดขายราว 17,000 คัน ขณะที่วอลโว่โตเหนือตลาดที่ 30% และคาดว่าการเติบโตของตลาดและวอลโว่ จะมีไปอย่างต่อเนื่อง มั่นใจว่าทั้งปีมากกว่า 1,100 คัน อย่างแน่นอน ส่วนปีหน้าคาดว่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 30% หรือมียอดขาย 1,500 คัน

ล่าสุด บริษัทได้เปิดตัวรถคอมแพ็กต์เอสยูวี ปลั๊ก-อินไฮบริด วอลโว่ เอ็กซ์ซี 60 ซึ่งเป็นรถที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยมีสถิติรุ่นธรรมดาทำสัดส่วนการขายสูงถึง 30% ของยอดขายรวม และคาดว่าปีหน้าสัดส่วนของเอ็กซ์ซี 60 จะเพิ่มเป็น 40% ของยอดขาย

สำหรับวอลโว่ เอ็กซ์ซี 60 รถเอสยูวี พรีเมี่ยมขนาดกลาง ตอบสนองต่อไลฟ์สไตล์คนเมืองที่เน้นความคล่องตัวอย่างแท้จริง มีให้เลือก 2 เครื่องยนต์ ทั้งเบนซิน ปลั๊ก-อินไฮบริด และดีเซล ราคาเริ่มต้นที่ 3.09-3.59 ล้านบาท

“ที่ผ่านมาเรายอมรับว่า วอลโว่อาจจะมีความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ไม่มากนัก แต่เราต้องแข่งขันกันในทุกมิติ”

บริษัทยังมีแผนที่จะเพิ่มความสำคัญและเพิ่มน้ำหนักทำตลาดรถยนต์มือสองผ่านแบรนด์ วอลโว่ ซีเล็ค เพิ่มมากขึ้น เพื่อเป็นการขยายตลาดแบบครบวงจร และตามแผนงาน ภายในปี 2564 จะขยายเพิ่มโชว์รูมและศูนย์บริการให้สามารถแข่งขันในตลาดได้อย่างแข็งแกร่ง จากปัจจุบันที่เพียง 11 แห่งทั่วประเทศ