Bitwise Thailand จาก OEM รับจ้างผลิต สู่ TASAKI หนึ่งในผู้นำเครื่องปรับอากาศสัญชาติไทย
Bitwise (Thailand) Co., Ltd. ภายใต้ Bitwise GROUP ผู้ประกอบการซึ่งอยู่ในอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศไทยมานานกว่า 30 ปี มีขนาดธุรกิจอยู่ที่ 1,700 - 1,800 ล้านบาท มีลูกค้าเป็น Multinational Brand จาก 50 ประเทศทั่วโลก รวมถึงผลิตและจำหน่าย TASAKI เครื่องปรับอากาศแบรนด์ของตัวเองสู่ตลาดในประเทศ และส่งออกไปยังประเทศกัมพูชาและเมียนมา วันนี้ M Report ได้มีโอกาสพูดคุยกับ คุณภวเกียรติ กีรติชีวนันท์ กรรมการผู้จัดการ Bitwise (Thailand) Co., Ltd. ถึงโอกาสและความท้าทายของประเทศไทยในตลาดเครื่องปรับอากาศ รวมถึงเส้นทางการเติบโตและวิธิคิดของบริษัท จากการเป็นผู้ผลิต OEM รับจ้างผลิตเครื่องปรับอากาศและชิ้นส่วน สู่การสร้างแบรนด์ TASAKI
หลายท่านอาจยังไม่ทราบว่า ประเทศไทยส่งออกเครื่องปรับอากาศมากเป็นอันดับ 2 ของโลก โดยมีมูลค่าการส่งออก 4.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รองจากประเทศจีนซึ่งเป็นผู้ส่งออกอันดับหนึ่งมีมูลค่าการส่งออกมากถึง 14.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ช่องว่างระหว่างอันดับที่ 1 และ 2 นั้นทิ้งห่างแบบไม่เห็นฝุ่นเลยทีเดียว แต่สิ่งที่น่าจะต้องจับตามองและคิดให้มากคือ อันดับที่ 3 จากประเทศเม็กซิโกที่หายใจรดต้นคออยู่ด้วยมูลค่าการส่งออก 3.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ตัวเลขปี 2560 จาก worldstopexports.com) ซึ่งความได้เปรียบของผู้ผลิตไทย คือ เรามีแรงงานฝีมือดีกว่าคู่แข่ง และผู้ประกอบการไทยมีจิตสำนึกด้านคุณภาพ ทำให้ใส่ใจและพยายามในการสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ผู้ซื้อในตลาดโลกจึงมีความเชื่อมั่นว่า เครื่องปรับอากาศที่ผลิตจากประเทศไทยมีคุณภาพได้มาตรฐาน
จาก Bitwise รับจ้างผลิต สู่ TASAKI หนึ่งในผู้นำเครื่องปรับอากาศสัญชาติไทย
ในช่วงเริ่มต้น Bitwise รับจ้างผลิตเครื่องปรับอากาศตามความต้องการของลูกค้า โดยให้บริการแบบ One Stop Service ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบทั้งด้านดีไซน์และด้านวิศวกรรม สู่การทดสอบระบบและการทำงานของเครื่อง ไปจนถึงการผลิตจนเป็นสินค้าสำเร็จรูป ทั้งในรูปแบบการรับจ้างผลิตสินค้าให้กับแบรนด์ต่าง ๆ ตามแบบที่ลูกค้ากำหนด (OEM: Original Equipment Manufacturer) และการรับจ้างตั้งแต่การออกแบบและผลิตแบบครบวงจร (ODM: Original Design Manufacturing)
จนกระทั่งในปี 2540 จึงได้ก่อตั้งแบรนด์ TASAKI ขึ้น ด้วยการต่อยอดจากนวัตกรรมเครื่องปรับอากาศ Invertor เทคโนโลยีคนไทย โดยร่วมมือกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช. หรือ NSTDA) ทำให้ TASAKI เป็นเครื่องปรับอากาศ Invertor สัญชาติไทยรายแรก และมุ่งเน้นให้เป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพ ประหยัดพลังงาน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีราคาไม่แพง สำหรับลูกค้ากลุ่ม B2B โดยเฉพาะงานโครงการทุกขนาด ทั้งอาคารสำนักงาน โรงพยาบาล โรงงาน และอื่น ๆ
ปัจจุบัน Bitwise มีบริษัทในเครือรวม 3 บริษัท ได้แก่ 1. Bitwise (Thailand) เป็นผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็นทุกชนิดแบบครบวงจร 2. Bitwise Heat Exchanger เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนแลกเปลี่ยนความร้อนในเครื่องปรับอากาศ และ 3. Thai Tasaki Engineering เป็นผู้จัดจำหน่ายและทำการตลาดให้เครื่องปรับอากาศ TASAKI ทั้งในและต่างประเทศ
เครื่องจักรและเทคโนโลยีที่ทันสมัย ประสิทธิภาพสูง คือ สิ่งจำเป็น
การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องนั้น จะทำให้ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าที่มีการปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลาได้อย่างทันท่วงที รวมถึงความต้องการใหม่ ๆ และหลากหลายยิ่งขึ้นในยุคปัจจุบัน ทำให้ Bitwise มีการลงทุนเครื่องจักรและเทคโนโลยีที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูง เพื่อเสริมศักยภาพการผลิตในทุกกระบวนการ และสนับสนุนการสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดี ส่งมอบได้อย่างรวดเร็วตามกำหนด และมีต้นทุนการผลิตที่ดี
สำหรับการผลิตเครื่องปรับอากาศนั้น กระบวนการผลิตด้านงานโลหะแผ่นนับว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากมีความเกี่ยวพันกับหลายชิ้นส่วน อาทิ ตัวถัง โครงสร้าง คอนเดนเซอร์ ชิ้นส่วนจับยึด นอกจากนี้ ต้นทุนของโลหะแผ่นเองก็เป็นหนึ่งในต้นทุนหลักที่สำคัญ ดังนั้น การเลือกเทคโนโลยีและเครื่องจักรเพื่อกระบวนการผลิตด้านโลหะแผ่นนั้นจึงมีความสำคัญมาก Bitwise เลือกใช้ “เครื่อง Shear Genius SGe5 จาก PRIMA POWER ที่ผสมผสานการตัดและพับ (Punching and Shearing) ไว้ในเครื่องเดียว” ซึ่งเทคโนโลยีนี้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะจาก PRIMA POWER เท่านั้นที่สามารถทำ Combination Process ได้ ทำให้กระบวนการผลิตเป็นไปอย่างง่ายดาย รวดเร็ว มีความแม่นยำสูง ไม่เสียพื้นที่ในการตั้งเครื่องจักรเพิ่ม แต่ให้ Productivity ที่สูงขึ้น จึงทำให้ชิ้นงานที่ผลิตได้มีคุณภาพสูง ลดการใช้แรงงาน ประหยัดการใช้ไฟ ประหยัดวัตถุดิบ ทำให้สามารถใช้แผ่นโลหะมาผลิตชิ้นงานได้อย่างคุ้มค่า จึงมีเศษที่เหลือจากการตัดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
การได้รับรางวัล คือ เครื่องยืนยันคุณภาพของธุรกิจอย่างแท้จริง
ธุรกิจในปัจจุบันจำเป็นต้องได้รับการรับรองด้วยมาตรฐานต่าง ๆ ซึ่งเป็นขั้นต่ำของการได้รับการยอมรับที่จะตกลงทำธุรกิจด้วย นั่นคือ ทุกโรงงานจะต้องมีใบรับรองคุณภาพและมาตรฐานตามที่อุตสาหกรรมของตนกำหนดไว้ แต่การที่โรงงานใดโรงงานหนึ่งจะได้รับการยอมรับในระดับ “เหนือกว่าโรงงานอื่น” นั้น ไม่ใช่ใบรับรองคุณภาพและมาตรฐานใดๆ แต่หากเป็น “การได้รับรางวัล” ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันคุณภาพของธุรกิจอย่างแท้จริง
ด้วยคุณภาพของ Bitwise ทำให้สามารถคว้ารางวัลต่าง ๆ มากมาย เช่น รางวัลการบริหารงานด้วยระบบ TPS (Toyota Production System) จำนวน 7 รางวัล, รางวัล 5ส. จำนวน 4 รางวัล, และอื่น ๆ โดยล่าสุด คุณภวเกียรติ กีรติชีวนันท์ ยังได้รับรางวัล “M Award – G2 of the Year 2019” จากสำนักข่าวออนไลน์เพื่ออุตสาหกรรมการผลิตโลหะการ เอ็ม รีพอร์ต ซึ่งท่านปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ดร. พสุ โลหารชุน ได้ให้เกียรติเป็นผู้มอบรางวัลและกล่าวแสดงความยินดี เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2562 อีกด้วย
การได้รับรางวัลนั้น ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องยืนยันคุณภาพของธุรกิจสู่สายตาคนภายนอกเท่านั้น แต่ยังนำมาซึ่งความภาคภูมิใจแก่พนักงานในองค์กรที่เป็นส่วนหนึ่งในการร่วมผลักดันความสำเร็จ ทำให้ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติเหล่านั้น และยังสร้างกำลังใจในการทำงานเพื่อต่อยอดความสำเร็จให้แก่องค์กรต่อไปอีกด้วย
มุมมองต่อความท้าทายของอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศไทยในเวทีระดับโลก
อุปสรรคใหญ่ของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศไทย คือ ต้นทุนวัตถุดิบ ซึ่งส่วนใหญ่ยังต้องนำเข้าและมีหลายปัจจัยที่กระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของต้นทุนวัตถุดิบ นอกจากนี้ นโยบายภาครัฐเองที่ไม่เอื้อต่อการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน เช่น ภาษีนำเข้าสำเร็จรูปจากต่างประเทศที่ปรับลดเหลือ 5% จากเดิม 30% ทำให้ส่วนแบ่งการตลาดเดิมที่ต้องเป็นสินค้าผลิตภายในประเทศถูกสินค้านำเข้าแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดไป เป็นต้น
ดังนั้น หากลงแข่งในตลาดที่เน้นเรื่องราคาแล้ว เราก็ไม่อาจสู้กับคู่แข่งได้ แต่ในตลาดที่ลูกค้ายังต้องการสินค้าคุณภาพสูง มีความยืดหยุ่นในการรับออเดอร์ เช่น การออกแบบพิเศษ การผลิตสินค้าเฉพาะกลุ่ม ปริมาณการผลิตที่ยืดหยุ่นได้ ผู้ประกอบการไทยก็ยังมีศักยภาพในตลาดพรีเมี่ยมนี้อยู่
สำหรับ Bitwise เองได้มองอนาคตของธุรกิจที่ยังสดใส โดยเฉพาะแบรนด์ TASAKI ที่แนวโน้มเติบโตดีมากสำหรับตลาดในประเทศไทย CLMV ซึ่งจะเป็นพื้นที่ตลาดที่จะขยายเพิ่มเติมได้อย่างมีศักยภาพ สำหรับด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์นั้น Bitwise จะเน้นการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ เช่น ผลิตภัณฑ์ที่ใช้พลังงานสะอาด ลดการใช้พลังงาน ลดการก่อมลพิษ เป็นต้น