Renault Nissan Mitsubishi Alliance

Renault-Nissan-Mitsubishi เผยแผน Alliance 2030 ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 35 รุ่น

อัปเดตล่าสุด 2 ก.พ. 2565
  • Share :

พันธมิตร Renault Nissan Mitsubishi ประกาศโรดแมป Alliance 2030 ที่สุดของสามโลกเพื่ออนาคตใหม่ ลงทุน 25.8 พันล้านเหรียญ ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 35 รุ่น

Advertisement

เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2022 กลุ่มพันธมิตร Renault Nissan Mitsubishi ประกาศแผน Alliance 2030 โดยมุ่งให้ความสำคัญกับรถยนต์ไฟฟ้าและยานยนต์ที่เชื่อมต่อกัน ด้วยเงินลงทุน 25.8 พันล้านเหรียญ ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 35 รุ่น ตั้งเป้าใช้แพลตฟอร์มร่วมกันให้ได้ 80% โดยเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การสร้างความแตกต่างอย่างชาญฉลาด (Smart Differentiation)

Alliance 2030 Renault, Nissan, Mitsubishi

Photo: Renault-Nissan-Mitsubishi Alliance

Renault, Nissan และ Mitsubishi ได้พัฒนากลยุทธ์ Smart Differentiation ด้วยการกำหนดระดับความต้องการใช้ชิ้นส่วนยานยนต์ร่วมกันให้กับยานยนต์แต่ละรุ่น ไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์ม ระบบส่งกำลัง ไปจนถึงพารามิเตอร์อื่น ๆ เช่น ฐานการผลิต และสร้างความแตกต่างด้วยการออกแบบส่วนบนของยานยนต์ เช่น แพลตฟอร์มสำหรับ C-Segment และ D-Segment จะมี 5 รุ่นจาก 3 แบรนด์พันธมิตร (Nissan Qashqai และ X-Trail, Mitsubishi Outlander, Renault Austral และ SUV 7 ที่นั่งที่กำลังจะเปิดตัว)

เป้าหมายการใช้แพลตฟอร์มร่วมกันให้มากขึ้นจากระดับ 60% เป็น 80% ภายในปี 2026 จะรองรับยานยนต์มากกว่า 90 โมเดล กลยุทธ์นี้จะช่วยให้แต่ละบริษัทสามารถมุ่งพัฒนายานยนต์ให้ตอบรับความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น ในขณะที่ต้นทุนการพัฒนายานยนต์จะลดลง

ด้วยแนวทางนี้ รถยนต์ไฟฟ้า 35 รุ่นของสามพันธมิตรที่จะเปิดตัวภายในปี 2030 นั้น 90% ของรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่เหล่านี้จะใช้แพลตฟอร์มร่วมกันซึ่งพัฒนาขึ้นใหม่ทั้งหมด 5 แพลตฟอร์ม ได้แก่ CMF-AEV แพลตฟอร์มราคาประหยัดสำหรับโมเดล Dacia Spring ของเรโนลต์ แพลตฟอร์ม KEI-EV สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก และ LCV-EV สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับครอบครัว จะถูกใช้ใน Renault Kangoo และ Nissan Town Star อีกรุ่นคือ CMF-EV ซึ่งปัจจุบันทางกลุ่มพันธมิตรใช้สำหรับรถครอสโอเวอร์ เช่น Nissan Ariya และ Renault Megane E-Tech

และสุดท้าย คือ แพลตฟอร์ม CMF-BEV จะใช้สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก แต่จะลดต้นทุนลงได้ 33% และลดการสิ้นเปลืองพลังงาน 10% เมื่อเทียบกับ Renault Zoe รุ่นปัจจุบัน ซึ่งจะเป็นฐานสำหรับรถยนต์ 250,000 คันต่อปีภายใต้แบรนด์เรโนลต์ นิสสัน และอัลไพน์ รวมถึงเรโนลต์ R5 และรถยนต์ไฟฟ้าของนิสสันที่กำลังจะเปิดตัวเพื่อแทนที่ Micra 

Alliance 2030 Renault, Nissan, Mitsubishi

Photo: Renault-Nissan-Mitsubishi Alliance

กลุ่มเรโนลต์เปิดเผยว่า มีแนวทางการใช้แบตเตอรี่ร่วมกันเช่นเดียวกัน โดยตั้งเป้าไว้ที่ 220 GWh ของกำลังการผลิตภายในปี 2030 ซึ่งมีแผนลดต้นทุนแบตเตอรี่ลง 50% ในปี 2026 และ 65% ภายในปี 2028 โดยมีเป้าหมายพัฒนาแบตเตอรี่โซลิดสเตต (ASSB) ภายในปี 2028 ด้วย ทางนิสสันจะรับผิดชอบโครงการนี้ เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในฐานะผู้บุกเบิกเทคโนโลยีแบตเตอรี่

Alliance 2030 Renault, Nissan, Mitsubishi

Photo: Renault-Nissan-Mitsubishi Alliance

แบตเตอรี่โซลิดสเตตที่จะพัฒนานี้จะมีความจุมากกว่าแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนในปัจจุบันถึง 2 เท่า และใช้เวลาชาร์จไฟเพียง 1 ใน 3 

  • แบตเตอรี่แบบ All Solid State คืออะไร อ่านเลย คลิก

ทางสามพันธมิตรยังกล่าวอีกว่า ตั้งเป้าให้มีรถยนต์ 25 ล้านคันที่เชื่อมต่อกับระบบคลาวด์ภายในปี 2026 ซึ่งจะทำให้สามารถอัปเดต OTA (ผ่านทางอากาศ) แบบเทสลาได้ และจะทำให้กลุ่มพันธมิตรจะเป็น OEM ระดับโลกรายแรกที่เปิดตัวระบบนิเวศของ Google ในรถยนต์

 

 

#Renault #Nissan #Mitsubishi #Alliance 2030 #Renault Nissan Mitsubishi Alliance #EV #รถยนต์ไฟฟ้า #รถอีวี #อุตสาหกรรมยานยนต์ #M Report #mreportth #ข่าวอุตสาหกรรม #onlinecontent

 

 

บทความยอดนิยม 10 อันดับ

 

อัปเดตข่าวทุกวันที่นี่ www.mreport.co.th   

Line / Facebook / Twitter / YouTube @MreportTH